ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้มีการออกกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อจำกัดการจำหน่ายอาวุธปืน หลังเกิดเหตุยิงกราดที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ซึ่งส่งผลให้มีนักเรียนอย่างน้อย 18 คนเสียชีวิต ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ปธน.ไบเดน กล่าวระหว่างการแถลงสดผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศในช่วงค่ำของคืนวันอังคารจากทำเนียบขาว ว่า “เราต้องลงมือจัดการ(ได้แล้ว)” พร้อมตั้งคำถามว่า “(ไม่อย่างนั้น) เมื่อไหร่เราถึงจะลุกขึ้นยืนสู้กับพวกกลุ่มล็อบบี้อาวุธปืนกัน?”
ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งมีสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง จิล ไบเดน ยืนเคียงข้างระหว่างการกล่าวแถลงด้วยอารมณ์เจ็บปวด ยังกล่าวด้วยว่า “นี่คือเวลาที่เราต้องเปลี่ยนความเจ็บปวดให้กลายมาเป็นการลงมือทำได้แล้ว”
เหตุยิงกราดครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้น ในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังเกิดการยิงกราดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน และบาดเจ็บ 3 คน โดยเชื่อว่า มีแรงจูงใจจาก "แนวคิดสุดโต่งรุนแรงด้านเชื้อชาติและสีผิว"
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของเหยื่อเหตุยิงกราดในนิวยอร์ก ก่อนจะออกเดินทางเยือนเอเชียเป็นเวลา 5 วัน
SEE ALSO: เสียชีวิต 10 ราย! เหตุยิงกราดซูเปอร์มาร์เก็ตในรัฐนิวยอร์ก
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในระหว่างการแถลงด้วยว่า “การยิงกราดเช่นนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นที่ใดในโลกเลย ... ทำไม (ถึงเป็นเช่นนั้น)?”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า เหตุสลดล่าสุดนี้จะส่งผลอย่างไรต่อทิศทางของนโยบายการเมืองที่เกี่ยวของกับการควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ หลังเหตุการยิงกราดหลายต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึง เหตุยิงกราดโรงเรียนประถมศึกษา Sandy Hook ในรัฐคอนเนตทิคัต เมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 ซึ่งคร่าชีวิต 26 คน โดย 20 คนในนั้นเป็นเด็กอายุ 5-10 ปี ไม่ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เลย
รายงานข่าวระบุว่า คำเรียกร้องของปธน.ไบเดน ในการแถลงในคืนวันอังคารนั้น ถูก เฮอร์เชล วอล์กเกอร์ ผู้ลงสมัครเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา สังกัดพรรครีพับลิกัน ในรัฐจอร์เจีย หยิบยกขึ้นมาพูดถึงและเป็นประเด็นที่ผู้เข้าร่วมฟังการหาเสียงโห่ใส่ทันที ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า นโยบายอาวุธปืนยังคงเป็นเรื่องที่มีผู้เห็นต่างอย่างมากอยู่
ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งการให้ทำเนียบขาวและอาคารที่ทำการของรัฐทั่วประเทศลดธงครึ่งเสาจนถึงเย็นวันเสาร์นี้ เพื่อเป็นเกียรติและไว้อาลัยแก่เหยื่อเหตุยิงกราดในเท็กซัส
- ที่มา: เอพี