ไบเดน-ปูตินตกลงที่จะพบกันในเดือนหน้าที่สวิตเซอร์เเลนด์

bp

Your browser doesn’t support HTML5

Biden Putin Meeting


ในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย จะเจรจาสุดยอดร่วมกันเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนยุโรปของไบเดน

และภารกิจนี้เป็นการเดินทางต่างประเทศครั้งเเรกของโจ ไบเดนในฐานะผู้นำสหรัฐฯ ตั้งเเต่ปฏิญาณตนรับตำแหน่งในเดือนมกราคมด้วย

การไปเจนีวา จะเกิดขึ้นในการเดินทางต่างประเทศที่ประธานาธิบดีไบเดน จะประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ จี 7 ที่อังกฤษ เเละประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาเเอตเเลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ที่บรัสเซลส์ ประเทศเทศเบลเยี่ยม

โฆษกทำเนียบขาวเจน ซากี กล่าวว่า ที่สวิตเซอร์เเลนด์​ผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซียจะคุยกันในหลายเรื่อง เพื่อที่จะหาเเนวทางที่ทำให้เกิดความเป็นปกติมากขึ้นในความสัมพันธ์ของสองประเทศ

เธอกล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการให้เกิด “การคาดเดาได้” ต่อพฤติกรรมกันเเละกัน รวมถึง “เสถียรภาพ” ในความสัมพันธ์กับรัสเซียอย่างที่เคยมีมาในอดีต

White House press secretary Jen Psaki speaks during a press briefing at the White House, Jan. 20, 2021, in Washington.

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดน เป็นผู้เสนอให้มีการประชุมสุดยอด ในการสนทนาทางโทรศัพท์ เมื่อเดือนเมษายนกับประธานาธิบดีปูติน

การยื่นข้อเสนอขอพูดคุยในเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่สหรัฐฯ เตรียมที่จะให้มาตรการลงโทษต่อเจ้าหน้าที่รัสเซีย

ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ของอเมริกากับรัสเซียได้รับผลกระทบจากข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียพยายามช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งในปี ค.ศ. 2016 ซึ่งทรัมป์ได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าว

เมื่อไบเดน เริ่มดำรงตำเเหน่งผู้นำสหรัฐฯ เขากับวลาดิเมียร์ ปูตินตกลงกันได้ ที่จะต่ออายุความตกลงควบคุมการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ไปอีกห้าปี

อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงความตกลงกันได้ไม่กี่ครั้งที่เกิดขึ้น

ประธานาธิบดีไบเดนเคยกล่าวหาโดยอ้างข้อมูลข่าวกรองสหรัฐฯ ว่ารัสเซียเเทรกเเซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว และรัฐบาลอเมริกันเคยกล่าวว่ารัฐบาลรัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ “โซลาร์วินด์ส” ที่ระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรอเมริกัน 9 เเห่งถูกเเทรกซึมโดยรัสเซีย

นอกจากนี้ ไบเดนเคยสร้างความขุ่นเคืองให้ปูติน จากการที่กล่าวว่าเขาเชื่อว่าผู้นำรัสเซียเป็น “ฆาตกร” คำพูดดังกล่าวทำให้ปูติน ตอบโต้ด้วยการเอ่ยถึงประวัติศาสตร์ที่ชาวพื้นเมืองอเมริกันและทาสในสหรัฐฯ ถูกปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยม

นั่นยังไม่รวมถึง การที่อเมริกาตำหนิรัสเซียที่จับกุมตัว นายอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายตรงข้ามประธานาธิบดีปูติน และใช้กรณีที่นายนาวาลนีถูกวางยาพิษ เป็นเหตุผลสนับสนุนการลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับกลางหลายคนของรัสเซีย

SEE ALSO: สหรัฐฯ ประกาศลงโทษเจ้าหน้าที่รัสเซียเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษผู้นำฝ่ายค้าน

ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมารัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนไล่นักการทูตรัสเซีย 10 รายออกจากสหรัฐฯ และลงโทษบริษัทรัสเซียจำนวนมากจากเหตุการณ์ “โซลาร์วินด์ส” และจากข้อกล่าวหาการเเทรกเเซงการเลือกตั้ง

หนึ่งวันหลังจากนั้น รัสเซียตอบโต้ด้วยการไล่นักการทูตสหรัฐฯ ออกจากรัสเซียเช่นกัน

ตลอดการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่เเล้ว โจ ไบเดนกล่าวว่ารัสเซียคือ “ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด” ของสหรัฐฯ และตำหนิว่าโดนัลด์ ทรัมป์สนิทสนมกับปูตินเกินไป

และหลังจากที่เขาชนะเลือกตั้งเป็นผู้นำสหรัฐฯ ไบเดนกล่าวต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันว่าเขาจะดำเนินนโยบายการทูตที่ต่างไปจากโดนัลด์ ทรัมป์อย่างชัดเจน

FILE - U.S. President Donald Trump, left, and Russian President Vladimir Putin shake hands at the beginning of a their bilateral meeting at the Presidential Palace in Helsinki, Finland, July 16, 2018.