ปธน.ไบเดน ชื่นชม วุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ผ่านร่างกฎหมายต้านความเกลียดชังต่อคนเชื้อสายเอเชีย

Biden

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ออกปากชื่นชมสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ลงมติผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่มีเนื้อมุ่งเน้นการต่อต้านความเกลียดชังต่อผู้ที่มีเชื้อสายเอเชีย ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่

รายงานข่าวระบุว่า กฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจแก่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในการเร่งกระบวนการตรวจสอบและทบทวนคดีอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังและสืบเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-9 ทั้งยังจะให้การสนับสนุนหน่วยงานด้านรักษากฎหมายระดับท้องถิ่นในการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงอันเกิดจากความเกลียดชังผู้มีเชื้อสายเอเชียด้วย

ร่างกฎหมายดังกล่าว มีชื่อเต็มว่า Jabara-Heyer NO HATE Act ซึ่งเป็นการรวมชื่อของเหยื่ออาชญากรรมอันเกิดจากความเกลียดชังที่เป็นข่าวใหญ่ในสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งก็คือ คาลิด จาบารา (Khalid Jabara) และ เฮทเธอร์ เฮเยอร์ (Heather Heyer)

ปธน.ไบเดน กล่าวในแถลงการณ์ที่ออกมาในวันศุกร์ว่า “กฎหมายสำคัญฉบับนี้ จะทำให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันสำหรับ ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย ชาวพื้นเมืองฮาวาย และชุมชุมในหมู่เกาะแปซิฟิก” พร้อมยกย่องกลุ่มสมาชิกรัฐสภาผู้มีเชื้อสายเอเชียและชุมชนในหมู่เกาะแปซิฟิก ที่ผลักดันร่างกฎหมายนี้ออกมาสำเร็จ

ร่างกฎหมายฉบับนี้ที่ผ่านสภาสูงด้วยคะเเนนโหวต 94 ต่อ 1 โดยมีเพียง วุฒิสมาชิก จอช ฮอว์ลีย์ สังกัดพรรครีพับลิกัน จากรัฐมิสซูรี รายเดียวที่ลงคะแนนไม่เห็นด้วย ขณะที่ วุฒิสมาชิก 2 รายจากพรรคเดโมแครตและ 3 รายจากพรรครีพับลิกันไม่ออกเสียงลงคะแนน

ขั้นตอนจากนี้ไปคือ การส่งร่างกฎหมายนี้ไปยังสภาผู้แทนราษฎร ที่คาดกันว่าน่าจะมีมติผ่านออกมาเช่นกัน และปธน.ไบเดน คาดว่าจะได้ลงนามรับรองเพื่อใช้งานได้ในไม่ช้านี้

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายใหม่นี้ได้รับการผลักดันออกมา หลังเกิดเหตุอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับความเกลียดชังและการเหยียดเชื้อชาติต่อชาวเอเชียในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดนส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสิ่งที่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิ์กล่าวว่า เป็นการจับแพะและการกล่าวหาชาวเอเชียว่าเป็นผู้เผยแพร่โคโรนาไวรัสโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน

ข้อมูลจาก Center for the Study of Hate and Extremism ณ California State University ชี้ว่า อัตราการเกิดอาชญากรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 150 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่เมืองใหญ่ของสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหว Stop AAPI Hate ที่ติดตามประเด็นนี้ตลอดช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 กล่าวว่า ทางกลุ่มได้รับคำร้องเรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังชาวเอเชียถึงกว่า 3,800 ครั้ง

ซินเธีย โช ผู้อำนวยการร่วมกลุ่ม Chinese for Affirmative Action ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้ง Stop AAPI Hate กล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้ “ส่งผ่านข้อความที่ชัดเจนว่า ความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะเเปซิฟิก หรือ AAPI (Asian Americans and Pacific Islanders) คือปัญหารุนแรงหนักและควรมีการจัดเก็บข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น”

โช ระบุในอีเมล์ที่ส่งให้ วีโอเอ ด้วยว่า เมื่อดูจากปริมาณคำร้องเรียนเกี่ยวกับเหตุร้ายต่างๆ ที่ทางกลุ่มได้รับมาแล้วพบว่า ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ทางกลุ่มจึงจะขอเรียกร้อง “ให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในองค์กรต่างๆ ในระดับชุมชนซึ่งมีความลงตัวที่สุด ที่จะเข้าช่วยเหลือเหยื่อและผู้รอดชีวิตจากเหตุรุนแรง รวมทั้งเข้าแทรกแซงเหตุใดๆ รวมทั้งดำเนินการป้องกันเหตุในชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ด้วย”