สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่มีพรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมากอยู่ มีกำหนดลงมติร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ที่จะช่วยให้ประชาชนหลายล้านคนที่ใช้ชีวิตในสหรัฐฯ อยู่อย่างไม่ถูกกฎหมาย สามารถยื่นขอรับสัญชาติได้ ขณะที่ มีรายงานเกี่ยวกับจำนวนผู้ขออพยพเข้าประเทศผ่านพรมแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้กำลังพุ่งสูงสุดในรอบ 20 ปีอยู่
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า ร่างกฎหมายทั้งคู่ที่จะช่วยให้คนงานในภาคการเกษตร และ เยาวชนที่เข้าเมืองผิดกฎหมายพร้อมครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก หรือที่เรียกว่า ดรีมเมอร์ สามารถขอรับสัญชาติอเมริกัน ยังต้องเผชิญกับศึกในสภาล่างที่อาจทำให้กฎหมายใหม่นี้มีผลบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุม หรืออย่างจำกัด เนื่องจาก สมาชิกสภาฯ สังกัดพรรครีพับลิกันมีจุดยืนที่ไม่เห็นด้วย ขณะเดินหน้าโจมตีรัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดิน เกี่ยวกับตัวเลขผู้ขออพยพเข้าประเทศผ่านพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ที่กำลังพุ่งสูงอย่างรวดเร็วในเวลานี้
สเตนีย์ ฮอยเออร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาล่าง บอกกับผู้สื่อข่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรจะหยิบร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่ว่านี้ขึ้นมาถกในวันพฤหัสบดี โดยหวังว่า จะมีการลงมติรับรองในวันอังคารหน้า พร้อมย้ำจุดยืนของพรรคที่จะผลักดันแผนปฏิรูปครั้งใหญ่ของกระบวนตรวจคนเข้าเมืองของประเทศให้ได้
รายงานข่าวระบุว่า ข้อเสนอการปฏิรูปกระบวนการทางกฎหมายครั้งนี้ จะส่งผลให้มีผู้อพยพราว 11 ล้านคนมีโอกาสได้รับสัญชาติอเมริกัน หลังจากต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมายมานานหลายปี
อย่างไรก็ดี ดิ๊ก เดอร์บิน ผู้นำอันดับที่ 2 จากพรรคเดโมแครต ในสภาสูง กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ความพยายามครั้งนี้ยังขาดเสียงสนับสนุนมากพอ จากทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาอยู่
ทางฝั่งพรรครีพับลิกัน แย้งว่า ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้มีแต่จะทำให้มีจำนวนผู้พยายามข้ามแดนมายังสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น โดย อเลฮานโดร มายอร์คาส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวว่า มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีเดินทางข้ามพรมแดนจากเม็กซิโก เข้ามาสหรัฐฯ วันละหลายร้อยคนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษด้วย
ส.ส. ทอม แมคคลินทอค สังกัดพรรครีพับลิกัน กล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมการด้านกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคารว่า “ร่างกฎหมายใหม่นี้ เป็นเหมือนการสัญญาเป็นนัยๆ กับคนรุ่นต่อๆ ไปว่า สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ มาให้ถึงที่นี่ (สหรัฐฯ)และรอจนถึงคิวตนเอง” ก็พอ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาล่างสหรัฐฯ กล่าวว่า ตัวเลขผู้อพยพที่เป็นเด็กที่กำลังพุ่งสูงนี้คือ “วิกฤติการณ์ด้านมนุษยธรรม” ที่เป็นผลมาจาก “ระบบอันเละเทะ” ของนโยบายตรวจคนเข้าเมืองแบบจำกัด ที่เป็นผลงานของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ สมาชิกพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า การหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพนั้น เป็นเพราะการเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวของปธน.ไบเดน ต่างหาก