ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองของเฮติ ร่วมใจทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติ ขณะที่การสืบสวนหาผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี โจเวเนล โมอิส ยังเดินหน้าต่อไป
ปธน.ไบเดน กล่าวระหว่างการร่วมประชุมที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์ว่า “ประชาชนชาวเฮติ สมควรจะได้พบสันติสุขและความมั่นคงมีเสถียรภาพ” และบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยังคงติดตามสถานการณ์ความเป็นไปในประเทศในแคริบเบียนแห่งนี้มาตลอด นับตั้งแต่การเสียชีวิตของอดีตปธน.โมอิส
อดีตผู้นำเฮติถูกลอบสังหารที่ทำเนียบที่พักของตนในกรุงปอร์โตแปรงซ์เมื่อก่อนรุ่งสางของวันที่ 7 กรกฎาคม ขณะที่ มาร์ตีน โมอิส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวมารับการรักษาที่โรงพยาบาลในรัฐฟลอริดาแล้ว
ปธน.ไบเดน กล่าวด้วยว่า ตนได้ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปยังเฮติเพื่อประเมินสถานการณ์และแนะนำว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรจะทำการใดเพื่อสนับสนุนรัฐบาลเฮติบ้าง
ขณะเดียวกัน สำนักงานสืบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) แจ้งกับ วีโอเอ ผ่านทางอีเมล์ว่า ทางสำนักงานฯ ได้เริ่มทำงานร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในเฮติ และหุ้นส่วนงานด้านการรักษากฎหมายต่างๆ เพื่อสรุปว่า จะให้การสนับสนุนความพยายามโดยรวมของสหรัฐฯ ในการสืบสวนเหตุลอบสังหารอดีตผู้นำเฮติได้อย่างไรบ้าง
ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฮติสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 3 รายซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติที่เกี่ยวข้องกับเหตุลอบสังหารดังกล่าวได้แล้ว และการจับกุมนี้ทำให้อัยการสหรัฐฯ มีอำนาจตามกฎหมายในการสืบสวนคดีนี้
เจน ซากิ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวในวันจันทร์ว่า ขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำร้องขอจากรัฐบาลเฮติ ให้ส่งเจ้าหน้าที่กองทัพเข้าไปช่วยควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการลอบสังหารอดีตปธน.โมอิส อยู่
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลีออง ชาร์ลส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเฮติ เปิดเผยว่า ผู้ส่างการการลอบสังหารอดีตผู้นำของประเทศ เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ ที่ชื่อ คริสเตียน เอมมานูเอล ซานอง วัย 63 ปี
ผู้บัญชาการ ชาร์ลส บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ซานอง เดินทางเข้ามาในเฮติด้วยเครื่องบินส่วนตัวตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยเดินทางมาพร้อมกับมือปืนสัญชาติโคลอมเบีย ที่เจ้าหน้าที่เฮติจับกุมไปได้แล้วส่วนหนึ่ง โดย ซานอง คือ 1 ใน 3 ชาวอเมริกันสัญชาติเฮติที่ตำรวจจับกุมตัวได้
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเฮติ เปิดเผยด้วย ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาวโคลอมเบียในคดีนี้ทั้งหมด 18 รายแล้ว ขณะที่ ยังมีอย่างน้อยอีก 5 รายที่หลบหนีไปได้ในเวลานี้