ไบเดน เดินหน้าจัดระเบียบอุตสาหกรรมชิป-ขึ้นบัญชีดำธุรกิจจีนเพิ่ม

China US Seagate

รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเพิ่มชื่อบริษัท YMTC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปหน่วยความจำสัญชาติจีนพร้อมกับบริษัทชั้นนำอื่น ๆ อีก 21 แห่งของจีนเข้าไปในบัญชีดำ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

บริษัท YMTC นั้นเป็นหนึ่งในเป้าของรัฐบาลสหรัฐฯ มาสักพักแล้ว แต่เพิ่งจะถูกขึ้นบัญชีดำด้วยเหตุผลว่า บริษัทสัญชาติจีนแห่งนี้อาจทำการถ่ายเทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ไปยังบริษัทจีนอื่น ๆ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำไปก่อนหน้า เช่น หัวเหว่ย (Huawei) และ ไฮค์วิชั่น (Hikvision) โดยภายใต้มาตรการนี้ ซัพพลายเออร์ทั้งหลายจะไม่สามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตามที่เป็นของสหรัฐฯ ไปให้ YMTC ได้ หากไม่ได้รับใบอนุญาตซึ่งไม่ได้ขอกันง่าย ๆ เสียก่อน

บริษัทอื่น ๆ อีก 21 แห่งที่ถูกเพิ่มเข้าไปในบัญชีดำของสหรัฐฯ ในคราวนี้ เช่น Cambricon Technologies Corp และ CETC ต้องเผชิญกับมาตรการลงโทษที่หนักยิ่งกว่า ซึ่งก็คือคำสั่งห้ามไม่ให้บริษัทเหล่านี้เข้าถึงเทคโนโลยีใด ๆ ก็ตามที่พัฒนาขึ้นโดยอุปกรณ์ที่เป็นของสหรัฐฯ ด้วย

ธีอา เคนด์เลอร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งดูแลงานด้านการส่งออก ระบุในแถลงการณ์ว่า ขณะที่ รัฐบาลจีนพยายามกำจัดมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนอยู่ “ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติของสหรัฐฯ ทำให้เราต้องลงมืออย่างเด็ดขาดในการปฏิเสธการเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งหลาย”

สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อไปยัง YMTC Cambricon CETC และสถานทูตจีนในกรุงวอชิงตันเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้รับการตอบกลับก่อนตีพิมพ์รายงานฉบับนี้

นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังดำเนินการขึ้นบัญชีดำองค์กรสัญชาติจีน 9 แห่งที่ถูกกล่าวหาว่า ให้การสนับสนุนจีนในการพัฒนากิจการทางทหารด้วย

จนถึงปัจจุบัน มีบริษัทจีนทั้งหมด 35 แห่งที่ถูกขึ้นบัญชีดำด้านการค้าของสหรัฐฯ โดยมีบริษัทลูกของ YMTC ซึ่งตั้งอยู่ในญี่ปุ่นอยู่ในรายชื่อนี้ด้วย

อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศถอดชื่อ Wuxi Biologics ของจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบสำหรับวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัท แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) และบริษัทจีนอีก 25 แห่งออกจากบัญชีรายชื่อธุรกิจที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ (unverified list) ในวันพฤหัสบดี หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เดินทางไปตรวจสอบการทำงานของบริษัทเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว และได้รับการยืนยันว่า สามารถไว้ใจให้เข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้

  • ที่มา: รอยเตอร์