สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูเครนถูกลอบโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งคำเตือนบนหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ของรัฐบาลยูเครนว่า "ระวังให้ดี สิ่งเลวร้ายที่สุดกำลังจะมา" ในขณะที่รัสเซียเปิดเผยภาพถ่ายการเคลื่อนกำลังพลทางทหารบางส่วน
การโจมตีทางไซเบอร์ดังกล่าวเกิดขึ้นในหลังจากการประชุมหารือระหว่างผู้แทนรัสเซียกับผู้แทนชาติตะวันตกจบลงโดยไม่มีความคืบหน้า และยิ่งเพิ่มความกังวลว่ารัสเซียอาจใช้กำลังทหารบุกยูเครน เหมือนที่เคยทำมาแล้วเมื่อปีค.ศ. 2014
เจ้าหน้าที่ยูเครนกำลังสืบสวนการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี่้ซึ่งส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐบาลยูเครนราว 70 แห่ง รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ คณะรัฐมนตรี และสภาความมั่นคง
ข้อความที่ปรากฏบนเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นภาษายูเครน รัสเซียและโปแลนด์ ระบุว่า "ชาวยูเครนจงระวัง ข้อมูลส่วนตัวของพวกคุณได้ถูกอัพโหลดเข้าสู่เครือข่ายสาธารณะ ข้อมูลต่าง ๆ บนคอมพิวเตอร์ได้ถูกทำลายแล้ว และไม่สามารถกู้กลับมาได้"
ทางด้านองค์การนาโต้ประกาศว่า จะลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์กับรัฐบาลยูเครนในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า รวมถึงการอนุญาตให้ยูเครนเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ต้องสงสัยในเครือข่ายพันธมิตรทางทหารของชาติตะวันตกด้วย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี เสนอให้มีการเจรจาสามฝ่ายร่วมกับผู้นำของรัสเซียและสหรัฐฯ โดยหัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า "ความเป็นความตาย" ของยูเครนกำลังอยู่บนเส้นด้าย
ท่าทีของรัสเซีย
รัสเซียปฏิเสธว่ากำลังวางแผนส่งทหารเข้าไปในยูเครน แต่ก็ขู่ว่าอาจใช้ปฏิบัติการทางทหารอย่างไม่เฉพาะเจาะจงหากความต้องการของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนอง ซึ่งรวมถึงคำสัญญาจากองค์การนาโต้ว่าจะไม่รับยูเครนเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกด้วย
รัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ กล่าวในวันศุกร์ว่า รัสเซียหวังว่าจะมีการเจรจาด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ ต่อไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าข้อเสนอของรัสเซียจะได้รับการตอบรับหรือไม่อย่างไร
และเมื่อถูกถามว่า รัสเซียหมายความอย่างไรที่บอกว่า "อาจใช้ปฏิบัติการทางทหาร" หากการเจรจาล้มเหลว? รมต.ลาฟรอฟกล่าวว่า หมายถึงมาตรการส่งอาวุธยุทธภัณฑ์ทางทหารไปประจำการในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของรัสเซีย
ทางด้านสำนักข่าว RIA เปิดเผยภาพจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แสดงให้เห็นรถหุ้มเกราะและอาวุธยุทธภณฑ์ต่าง ๆ ถูกขนย้ายไปยังสถานที่ซ้อมรบทางภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งทางการรัสเซียระบุว่าเป็นการซ้อมเพื่อตรวจสอบและเตรียมความพร้อมสำหรับการประจำการในระยะไกล
- ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์