Your browser doesn’t support HTML5
โลกของเรากำลังประสบกับวิกฤตด้านสุขภาพครั้งสำคัญ จากการที่โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลาย ๆ ประเทศต่างจำกัดกิจกรรมที่พลเมืองของตนสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง หรือแม้แต่โรงเรียนหลายแห่งก็ถูกปิด ร้านอาหาร และธุรกิจอื่น ๆ ตามเมืองใหญ่ทั่วโลกก็ต้องปิดตัวลงด้วยเช่นกัน
เหตุฉุกเฉินสาธารณะในครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นบุคคลบางประเภท เช่น กลุ่ม Panic Shopper หรือกลุ่มคนที่กลัวว่าจะไม่สามารถหาของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นพวกเขาจึงระดมซื้อทุกอย่างจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันข้างหน้า
และ “ขนมปัง” ก็เป็นสินค้าแรก ๆ ที่มักจะหายไปในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ดังนั้น ถ้าหากคุณยังไม่เคยทำขนมปังตอนนี้อาจเป็นเวลาที่ดีที่จะหัดทำ การทำขนมปังนับว่าเป็นทักษะเพื่อความอยู่รอด ด้วยส่วนประกอบง่าย ๆ เพียงไม่กี่อย่าง เช่น แป้ง เกลือ และยีสต์ ก็สามารถอบขนมปังสดใหม่สำหรับครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงานได้
อย่างไรก็ดี การอบขนมปังไม่ได้เป็นเพียงแค่ทักษะการเอาชีวิตรอดที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้รู้สึกดีขึ้นในเวลาที่มีความเครียด และอันที่จริงแล้วการอบขนมปังและการทำอาหารก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่นำมาใช้ในการบำบัดผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว
Julie Ohana นักสังคมสงเคราะห์ผู้หนึ่ง ได้เสนอวิธีการที่เธอเรียกว่า culinary therapy หรือการทำอาหารเพื่อการบำบัดให้แก่ผู้ป่วยของเธอในนครนิวยอร์ก เธอบอกว่า การที่ใช้คำว่า ‘บำบัด’ เพราะสำหรับเธอแล้วการทำอาหารถือเป็นการบำบัด และ 'การบำบัด' นั้นก็หมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้รู้สึกดี เป็นประโยชน์ และให้ผลดีต่อคนที่ทำสิ่งนั้นๆ
Julie Ohana ใช้การบำบัดด้วยการทำอาหารในการช่วยให้ผู้คนสามารถเอาชนะปัญหาหลายๆประเภท
เธออธิบายว่า เวลาที่อยู่ในครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารหรืออบขนม ล้วนแต่ต้องใช้สมาธิในระดับหนึ่งทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่กำลังอบขนม การอบขนมต้องทำตามสูตรทีละขั้นตอนอย่างแม่นยำ การนวดแป้งช่วยให้ผ่อนคลายและทิ้งความคิดอื่น ๆ ทั้งหมดเพื่อใช้สมาธิกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ นอกจากนี้ยังช่วยลดความอึดอัด ลดความเครียด และช่วยให้มีความสุขอีกด้วย
เธอกล่าวต่อไปอีกว่า การอบขนมปังเป็นกระบวนการที่เต็มไปด้วยความรัก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกดีแต่ยังสร้างสิ่งที่จับต้องได้ สัมผัสได้และกินได้ด้วย! เธอจึงเรียกการอบขนมปังว่าเป็นการใช้แรงงานที่เต็มไปด้วยความรัก
Ohana กล่าวส่งท้ายว่า สิ่งที่ผู้ทำขนมปังทุกคนทราบดีก็คือ การที่ได้มอบของอร่อย และขนมที่อบอย่างดี ทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับต่างรู้สึกดี การอบขนมไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ทำเพื่อคนอื่นเท่านั้น แต่คนที่ทำก็ได้รับประโยชน์ด้วยเช่นเดียวกัน