สำนักข่าว Associated Press สัมภาษณ์นักเรียนแพทย์ "Natty Jumreornvong" ในรายงานที่ออกมาสัปดาห์นี้ ซึ่งกล่าวถึง “ศึกสองด้าน” ของบุคลากรด้านการเเพทย์ในอเมริกาที่มาจากความเสี่ยงของโควิด-19 และการถูกเหยียดเชื้อชาติ
แหล่งข่าวผู้นี้กล่าวว่าเคยมีคนไข้จากแผนกจิตเวช เรียกเธอด้วยคำที่เเฝงการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชีย นักเรียนแพทย์เชื้อสายไทยรายนี้กล่าวว่าเธอเคยถูกไล่ด้วยประโยคที่ว่า “go back to China” หรือ "กลับไปจีนซะเถอะ"
และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ขณะที่เธอยังสวมชุดเจ้าหน้าที่การเเพทย์อยู่ก็มีชายคนหนึ่งเดินมาหาเธอเเละพูดว่า “Chinese virus” หรือ "ไวรัสจีน" และยังคว้าโทรศัพท์ไปพร้อมทั้งดึงตัวเธออีกด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เเจ้งตำรวจไปแล้ว
คุณ Natty ซึ่งเรียนอยู่ที่ the Icahn School of Medicine ที่นครนิวยอร์ก บอกกับ Associated Press ว่า ประสบการณ์ "สู้ศึกสองด้าน" ของเธอคือสิ่งท้ายทายของเจ้าหน้าที่การเเพทย์เชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก หรือ AAPI (Asian and Pacific Islander) ในอเมริกาจำนวนมาก
นักศึกษาเเพทย์อีกผู้หนึ่งที่ชื่อ Hueyjong “Huey” Shih ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในนิวยอร์กเช่นกัน กล่าวว่าเคยถูกตั้งข้อสันนิษฐานโดยเพื่อนร่วมงานว่าเขาเป็นลูกโทนเพราะน่าจะมาจากประเทศจีนที่เคยมีนโยบายให้ประชากรมีบุตรเพียงคนเดียว ทั้งๆที่เขามาจากไต้หวัน
ทั้งนี้ประชากรกลุ่ม AAPI คิดเป็นร้อยละ 6 ถึง 8 ของคนอเมริกันทั้งหมด และร้อยละ 20 ของผู้มีอาชีพเภสัชกรและหมอที่ไม่ใช้ศัลยแพทย์
ถ้าพิจารณาถึงเฉพาะกลุ่มศัลยแพทย์ ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก มีสัดส่วนร้อยละ 12 ถึง 15 ของผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว
ก่อนเกิดการระบาดของโคโรนาไวรัส การศึกษาพบว่า เเพทย์เชื้อสายเอเชียในอเมริการ้อยละ 31 ถึง 50 เคยถูกเหยียดเชื้อชาติสีผิว เช่นคนไข้ไม่ขอรับการรักษา ตัวเลขดังกล่าวตำ่กว่าการเหยียดเชื้อชาติสีผิวต่อแพทย์ผิวดำ แต่สูงกว่ากลุ่มฮิสเเปนิก
SEE ALSO: ข้อมูลตำรวจสหรัฐฯ เผยเหตุทำร้าย 'คนเชื้อสายเอเชีย' เพิ่ม 169% สามเดือนแรกของปีนี้ในประวัติศาสตร์ เจ้าหน้าที่รัฐในอเมริกาเคยกล่าวโทษอย่างผิดๆว่า เขตไชน่าทาวน์ของซานฟรานซิสโก เป็นสาเหตุของการระบาดของโรคฝีดาษ ในช่วงทศวรรษที่ 1870
ชาวจีนยังเคยถูกห้ามเข้าสหรัฐฯภายใต้กฎหมายแรงงานปี 1882 และชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นก็เคยถูกบังคับใช้เเรงงานในสหรัฐฯ แม้ว่าญาติของพวกเขาจำนวนมากร่วมรบในกองทัพอเมริกันช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง