ผู้นำธุรกิจอเมริกันเชื้อสายเอเชียร่วมตั้งกองทุน 250 ล้านดอลลาร์สู้อาชญกรรม Hate Crime

A crowd of dozens of Thai Americans gathers to raise awareness about the increase in hate crimes against Asians in the US during a rally to speak up and show solidarity for the AAPI community at the Thai Town, Los Angeles, CA. April 8, 2021.

ผู้นำธุรกิจสัญชาติอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสหรัฐฯ ร่วมกันจัดตั้งกองทุนพิเศษมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิก (Asian American and Pacific Islander – AAPI) และเตรียมการช่วยชุมชนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่เกิดเหตุอาชญากรรมต่อประชาชนที่มีไม่คนผิวขาวมากขึ้นต่อเนื่อง

สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า มูลนิธิชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย (Asian American Foundation) คือ องค์กรที่จะจัดสรรเงินทุนเบื้องต้นจากงบรวม 125 ล้านดอลลาร์ที่จะส่งให้ในช่วง 5 ปีจากนี้ เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่สมาชิกชุมชน AAPI ที่มีจุดประสงค์หลักในการดำเนินโครงการต่อต้านความเกลียดชัง โครงการด้านการศึกษา และงานวิจัยและค้นคว้าเป็นหลัก

รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการบริหารมูลนิธิแห่งนี้ ประกอบด้วยประธาน หลี่ ลู่ (Li Lu) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟัน Himalaya Capital และกรรมการอื่นๆ เช่น เจอร์รี หยาง (Jerry Yang) ผู้ร่วมก่อตั้ง Yahoo และ โจเซฟ ไช่ (Joseph Tsai) ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group Holding

ในส่วนของงบที่เหลือนั้น มูลนิธิชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย เปิดเผยว่า จะมาจากการสนับสนุนของบริษัท Coca-Cola บริษัท Walmart Inc บริษัท Citigroup Inc บริษัท Amazon.com Inc และธนาคาร UBS Group รวมทั้งสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ (National Basketball Association – NBA) เป็นต้น

และในการเปิดตัวโครงการนี้อย่างเป็นทางการในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ ผู้จัดงานยืนยันว่า แขกพิเศษที่จะมาร่วมพิธีคือ อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช และอดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน

การจัดตั้งโครงการนี้ ตั้งเป้าที่จะช่วยสนับสนุนชุมชน AAPI ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ ด้วยจำนวนประชากรช่าสุดที่ราว 23 ล้านคน โดยจะดำเนินการต่างๆ เพื่อต่อต้านเหตุความรุนแรงที่เกิดจากความเกลียดชัง จัดทำแผนการเรียนการสอนในโรงเรียนที่จะสอดคล้องกับความเป็นมาและความสำคัญของชุมชน AAPI ในสังคมสหรัฐฯ รวมทั้งสนับสนุนด้านการเงินให้กับวงการศิลปะ วงการภาพยนตร์ และวงการสื่อต่างๆ และลงทุนในงานค้นคว้าเพื่อช่วยให้รัฐบาลดำเนินนโยบายที่เหมาะสมขึ้นแก่ชุมชมนี้