ทุกวันนี้การทดสอบความพร้อมทางร่างกายของทหารกองทัพบกสหรัฐ กำหนดให้ทหารต้องผ่านการทดสอบวิดพื้น ลุก-นั่งหรือ Sit-up และวิ่งราว 3 กิโลเมตร ซึ่งจะทำการทดสอบปีละ 2 ครั้ง จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอายุและเพศของทหาร แต่ทางผู้บังคับบัญชาของกองทัพที่มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมการฝึกฝนทหารบอกว่า การทดสอบดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะวัดความแข็งแกร่ง ความอดทนและสมรรถภาพการเคลื่อนไหวร่างกาย
สำหรับบททดสอบที่กำหนดขึ้นใหม่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน หนึ่งคือทดสอบว่าพร้อมสำหรับการรบจริงหรือยัง ซึ่งจะรวมถึงการแบกปืนกลวิ่ง 400 เมตรข้ามเครื่องกีดขวางต่างๆในขณะที่สวมชุดทหารเต็มรูปแบบ คลานและกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางขณะที่เล็งปืนกลไปยังเป้าหมาย วิ่งบนคานทรงตัวพร้อมกล่องกระสุนปืนน้ำหนักราว 13 กิโลกรัม 2 ลัง รวมทั้งวิ่งเต็มกำลังรอบสนามฝึกที่มีกรวยตั้งอยู่ทั่วสนาม นอกจากนี้ยังต้องทดสอบลากถุงทรายหนัก 80 กิโลกรัมซึ่งเป็นการจำลองในกรณีที่ต้องลากเพื่อนทหารที่เจ็บออกจากสนามรบ
ในขณะเดียวกัน กองทัพบกสหรัฐจะยังคงใช้แบบทดสอบความพร้อมของร่างกายในลักษณะเดิมต่อไปด้วย แต่จะเพิ่มด่านใหม่ๆ เช่นให้วิ่งไป-กลับระยะทางราว 50 เมตร หรือให้ยืนอยู่กับที่แล้วกระโดดให้ไกลที่สุด รวมทั้งวิดพื้น 1 นาทีและวิ่งจับเวลาระยะทาง 1 กิโลเมตรครึ่ง ซึ่งบททดสอบสุดโหดต่างๆที่กล่าวมานี้จะทำทุกๆ 6 เดือน
ที่สำคัญคือไม่ใช่เฉพาะทหารแนวหน้าเท่านั้นที่ต้องผ่านด่านทดสอบเหล่านี้ แต่เจ้าหน้าที่ทหารที่นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะก็ต้องผ่านการทดสอบให้ได้เช่นกัน หรือแม้แต่ทหารกองหนุนที่อายุเกิน 60 ปีไปแล้วก็ไม่ได้รับการยกเว้น
การปรับเปลี่ยนแนวทางการทดสอบที่ว่านี้ คือส่วนหนึ่งของนโยบายยกเครื่องการฝึกทหารของกองทัพสหรัฐเสียใหม่ ซึ่งรวมไปถึงการปรับปรุงด้านอาหารการกินและช่วยให้ทหารที่อายุมากขึ้นยังคงมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถแบกอาวุธและใส่ชุดหนักๆได้สำหรับการรบในอัฟกานิสถานหรือในอิรัก นอกจากนี้ยังหวังว่าจะช่วยลดอาการบาดเจ็บของทหารทั้งที่ไปรบและจากการออกำลังกายมากเกินไป