'ห้องระบายอารมณ์' ทางออกของคนเครียดจากโควิด-19 ทำให้ดีขึ้นหรือแย่ลง?

APTOPIX Virus-Outbreak-Rage-Room

Your browser doesn’t support HTML5

Rage Room


โดยปกติแล้ว ทุกคนล้วนแต่มีความเครียดในชีวิตด้วยกันทั้งสิ้น แต่เรื่องสำคัญคงจะอยู่ที่ว่าเราจะจัดการกับมันอย่างไร เพราะบางคนอาจใช้วิธีออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ หรือบางคนก็ใช้วิธีออกกำลังกาย เล่นโยคะ หรือทำสมาธิ เป็นต้น

แต่สำหรับบางคน สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เขาหรือเธอได้พบทางออกใหม่เพื่อคลายเครียดนั่นก็คือ Rage Room หรือห้องระบายอารมณ์นั่นเอง

สำหรับในอเมริกานั้น Rage Room เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งคนที่พกความเครียดแบบเต็ม ๆ อาจจะยอมจ่ายเงินเพื่อใช้ห้องดังกล่าวเป็นที่ทำลายข้าวของโดยไม่เป็นอันตรายต่อคนอื่น แต่บางคนที่ไปใช้บริการ Rage Room นี้กับเพื่อนเพื่อความสนุกสนานบ้างก็มี

Luciana Holanda smashes a computer monitor at the Rage Room, a place where people can destroy everyday objects to vent their anger, in Sao Paulo, Brazil, Feb. 19, 2021.

คุณจอห์น อีโลฮิม กับภริยา เป็นตัวอย่างหนึ่งของผู้ใช้บริการ Rage Room เพื่อคลายเครียดหลังจากที่ต้องถูกล็อกดาวน์อยู่ที่บ้านกับลูกสี่คนอายุตั้งแต่ 4 ถึง 17 ขวบเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว คุณจอห์นบอกว่าถึงแม้เขาจะเป็นคนเคร่งศาสนาและเชื่อในพระเจ้า แต่เขาก็ไม่ต่อต้านเรื่องการทุบทำลายข้าวของใน Rage Room เพื่อคลายเครียดแต่อย่างใด

แต่นักจิตวิทยาไม่ทุกคนที่เห็นด้วยกับการระบายความเครียดด้วยการทำให้ข้าวของแตกหักเสียหาย อย่างเช่น อาจารย์เควิน เบนเนต ผู้สอนวิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย Pennsylvania State บอกว่าถ้าคนที่เครียดมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมรุนแรงอยู่แล้วการส่งคนไข้ไปที่ Rage Room ก็เหมือนการส่งคนที่ติดการพนันไปรับการบำบัดที่สถานคาสิโนนั่นเอง

อาจารย์เควินอธิบายว่า แนวคิดเรื่อง Rage Room นี้มาจากทฤษฎีจิตบำบัดของ Sigmund Freud เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้วที่ว่าถ้าเราได้ระบายหรือปลดเปลื้องความโกรธและพฤติกรรมก้าวร้าวออกไปบ้าง คนที่มีปัญหาเรื่องเครียดก็อาจจะรู้สึกดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาในช่วง 40 ปีหลังนี้ได้แสดงว่าถ้าเรารู้สึกว่าการแสดงออกอย่างรุนแรงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในสถานการณ์หนึ่ง เราก็อาจจะเรียนรู้และนำพฤติกรรมนั้นไปใช้ในสถานการณ์อื่นได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ดี ดังนั้น อาจารย์เควิน เบนเนต จึงคิดว่าน่าจะจำกัดการใช้ Rage Room เพื่อการเล่นแบบสนุก ๆ เท่านั้นก็พอ

และตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เมื่อร้านอาหาร บาร์ และโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ต้องปิดตัวลง ห้อง Rage Room ของคุณทอม เดลี่ ในนครนิวยอร์กชื่อ Break Bar ดูจะได้รับความสนใจมากขึ้นเพราะมีคนมาใช้บริการกันตลอดเวลา

ตัวอย่างหนึ่งของลูกค้า Rage Room ในนครนิวยอร์กนี้ คือครอบครัวของคุณแม่กับลูกสาววัยรุ่นอีกสามคนที่ต้องถูกล็อกดาวน์อยู่กับบ้านมานานหลายเดือนเพราะโรงเรียนของลูกสาวยังปิดอยู่ และทุกคนต้องเรียนแบบออนไลน์แถมยังไม่รู้ว่าจะกลับไปเรียนได้เมื่อไหร่ด้วยซ้ำ แต่ครอบครัวนี้ก็ดูจะรู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้ทุบทำลายข้าวของนอกบ้านตัวเองที่ Rage Room ดังกล่าว

และแน่นอนว่าสิ่งหนึ่งซึ่งครอบครัวสี่คนนี้ช่วยกันตีให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ ก็คือแผ่นป้ายที่มีคำว่าโควิด-19 พิมพ์ติดอยู่นั่นเอง