ผลสำรวจครั้งใหม่ที่จัดทำขึ้นไม่กี่วันก่อนรัสเซียปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ระบุว่า ชาวอเมริกันส่วนน้อยสนับสนุนให้สหรัฐฯ มีบทบาทหลักในประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกมาตรการลงโทษใหม่และระบุว่าอาจยกระดับการโต้ตอบรัสเซียก็ตาม ตามรายงานของเอพี
ผลสำรวจโดยเอพีและศูนย์วิจัย NORC Center for Public Affairs Research ที่สำรวจผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ 1,289 คน ระหว่างวันที่ 18-21 กุมภาพันธ์ ระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 26 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า สหรัฐฯ ควรมีบทบาทหลักในความขัดแย้งครั้งนี้ 52 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าสหรัฐฯ ควรมีบทบาทรอง และ 20 เปอร์เซ็นต์เห็นว่าสหรัฐฯ ไม่ควรมีบทบาทเลย
ผลสำรวจดังกล่าวเป็นเครื่องย้ำเตือนผู้นำสหรัฐฯ และพรรคเดโมแครตว่า แม้วิกฤตยูเครนจะเป็นประเด็นหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่เดือนต่อจากนี้ แต่ประเด็นเศรษฐกิจอาจเป็นประเด็นสำคัญกว่าในสายตาของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ผลสำรวจโดยเอพีและ NORC เมื่อเดือนธันวาคมเผยว่า ชาวอเมริกันให้ความสนใจต่อประเด็นเศรษฐกิจรวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
รัฐบาลสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า การสนับสนุนยูเครนเป็นการปกป้องคุณค่าพื้นฐานของสหรัฐฯ รวมทั้งพยายามเผยแพร่ข้อมูลข่าวกรองที่ระบุถึงอันตรายที่ยูเครนและยุโรปเผชิญมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจครั้งนี้กลับเผยว่า ชาวอเมริกันกังขาต่อหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ โดยผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 23 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า พวกเขามั่นใจมากต่อหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ อีก 52 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า มีความมั่นใจบางส่วน และอีก 24 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า พวกเขาแทบไม่มั่นใจต่อหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ
ผลสำรวจระบุว่า ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมีแนวโน้มสนับสนุนให้สหรัฐฯ มีบทบาทหลักในความขัดแย้งครั้งนี้มากกว่าผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกัน โดยอยู่ที่ 32 เปอร์เซ็นต์และ 22 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ชาวอเมริกัน 43 เปอร์เซ็นต์เห็นด้วยกับผลงานของผู้นำสหรัฐฯ ในการจัดการความสัมพันธ์สหรัฐฯ-รัสเซีย ซึ่งลดลงจากตัวเลข 49 เปอร์เซ็นต์ จากผลสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
แม้ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยต่อบทบาทหลักของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งนี้ แต่ผู้ตอบแบบสอบถาม 53 เปอร์เซ็นต์ก็ระบุว่า พวกเขากังวลอย่างมากว่า อิทธิพลของรัสเซียทั่วโลกจะเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 45 เปอร์เซ็นต์ จากผลสำรวจเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
- ที่มา: เอพี