แจ็กพอตสลากกินแบ่งอเมริกา ทะยานเหนือ 1 ล้านดอลลาร์บ่อยครั้งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยการออกรางวัลในค่ำคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ มีรางวัลใหญ่สูงสุด 1,220 ล้านดอลลาร์ ทำให้ผู้เสี่ยงโชคหน้าเก่าและใหม่ต่างออกมาร่วมลุ้นโชคใหญ่ไปด้วยกัน
แต่คำถามก็คือ การถูกรางวัลใหญ่มูลค่าหลักพันล้านดอลลาร์นี้ กำลังกลายเป็นความปกติใหม่ในอเมริกาไปแล้วหรือ?
โจนาธาน ดี. โคเอน ผู้เขียนหนังสือ For a Dollar and a Dream: State Lotteries in Modern America เมื่อปี 2022 ตั้งคำถามกลับกับเอพีว่า “คำถามที่ผุดขึ้นมาก็คือ เกิดอะไรขึ้นเมื่อแจ็กพอต 1 พันล้านดอลลาร์กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดประจำและคนไม่สนใจมันอีกต่อไป?” โคเอนบอกว่า “มันไม่มีเลขลงตัวกลม ๆ หลังการพ้นหลักพันล้านดอลลาร์ไปแล้ว .. ยิ่งไปกว่านั้นคน ๆ หนึ่งจะต้องการเงินมากมายขนาดไหนกัน?”
อีกด้านหนึ่ง ราคาสลากเมกะมิลเลียนส์ จะปรับขึ้นจาก 2 ดอลลาร์ เป็น 5 ดอลลาร์ ในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเมกะมิลเลียนส์ระบุว่าจะทำให้โอกาสการถูกรางวัลดีขึ้น มีรางวัลใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน จึงทำให้โอกาสที่จะเห็นแจ็กพอตหลักพันล้านเป็นเรื่องที่จะพบได้ทั่วไปหรือบ่อยครั้งขึ้นในอนาคตอันใกล้
เอพี รวบรวมประวัติเกี่ยวกับลอตเตอรี่และเหตุผลว่าทำไมแจ็กพอตถึงใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ
การเสี่ยงโชคที่มีมานานถึงยุคโรมันโบราณ
โคเอน ระบุในหนังสือของเขาว่าลอตเตอรี่มีมานานมากกว่า 4,000 ปีแล้ว ที่จักรพรรดิโรมันและชนชั้นสูงจะเป็นผู้สุ่มเลขรางวัลในช่วงปาร์ตี้มื้อค่ำและแจกรางวัลมากมายตั้งแต่แจกันดินเผาไปจนถึงทาส และในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1400 ลอตเตอรี่ นำมาใช้ในยุโรปเพื่อระดมทุนด้านการป้องกันเมืองและงานด้านสาธารณะต่าง ๆ
การแจกรางวัลก้อนใหญ่เป็นเรื่องปกติสำหรับกลุ่มอาณานิคมในอเมริกา เพื่อระดมเงินไปใช้ในการปฏิวัติต่อต้านอังกฤษ โดยโคเอนระบุในหนังสือของเขาด้วยว่า ปธน.โธมัส เจฟเฟอร์สัน อนุมัติลอตเตอรี่ว่าเป็นภาษี “ที่จ่ายบนความสมัครใจเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม สลากกินแบ่งนี้ได้รับความนิยมลดลงในอเมริกา ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1800 จากความกังวลเรื่องการฉ้อโกง การบริหารจัดการที่ผิดพลาด และผลกระทบต่อคนยากจน แต่ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1960 รัฐต่าง ๆ ในอเมริกาเปิดให้การจำหน่ายสลากอย่างถูกกฎหมายเพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนงบประมาณท้องถิ่นโดยไม่ต้องพึ่งพาการขึ้นภาษี
โคเอน อธิบายว่า “ลอตเตอรี่ถูกมองว่าเป็นปาฏิหาริย์ด้านงบประมาณ เป็นโอกาสของรัฐที่จะสร้างรายได้จากสิ่งที่ดูเหมือนหามาได้ง่าย ๆ แบบนั้น”
แจ็กพอตเมกะมิลเลียนส์แรกเริ่มคือ 5 ล้านดอลลาร์
เมกะมิลเลียนส์ ถือกำเนินขึ้นเมื่อปี 1996 ในตอนนั้นเรียกว่า The Big Game เริ่มต้นเพียงแค่ 6 รัฐในอเมริกา และมีเป้าหมายจะท้าชิงความเป็นเจ้าแห่งลอตโต้จากพาวเวอร์บอลล์ ซึ่งมีจำหน่ายใน 20 รัฐ รวมทั้งในกรุงวอชิงตันด้วย
รางวัลแจ็กพอตแรกเริ่มของ The Big Game เริ่มต้นที่ 5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหากคำนวณเงินเฟ้อปัจจุบันเข้าไปจะถือว่ามากกว่าเงินรางวัลเริ่มต้น ณ วันนี้ที่ 40 ล้านดอลลาร์เกือบ 2 เท่าตัว
สำหรับเงินรางวัลใหญ่ในค่ำคืนวันศุกร์ ทางทฤษฎีแล้วสามารถซื้อทีมเบสบอล Miami Marlins ของไมอามีได้
ทำไมแจ็กพอตถึงใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ?
เมกะมิลเลียนส์ และพาวเวอร์บอลล์ ที่จำหน่ายใน 45 รัฐทั่วอเมริกา รวมทั้งกรุงวอชิงตัน เวอร์จินไอร์แลนด์ และเปอร์โตริโก
แจ็กพอตพันล้านดอลลาร์ครั้งแรกของสลากกินแบ่งระดับรัฐในอเมริกา เริ่มต้นเมื่อปี 2016 และคาดว่าจะเป็นแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
โคเอนบอกว่า รางวัลใหญ่มักได้รับความนิยมในหมู่นักแสวงโชค แม้โอกาสถูกรางวัลจะริบหรี่ก็ตามที เนื่องจากรางวัลที่ใหญ่ขึ้น หมายถึงการได้พื้นที่สื่อในการติดตามข่าวนี้ ที่ช่วยดันยอดจำหน่ายสลากและดึงผู้เสี่ยงโชคหน้าใหม่เข้ามานั่นเอง
ส่วนสาเหตุที่รางวัลใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นั้น มาจากการที่ทางการลอตเตอรี่ลดโอกาสถูกรางวัลจากการเพิ่มจำนวนเลขสุ่มเข้าไป ซึ่งทำให้ยากที่จะถูกรางวัล และดันมูลค่ารางวัลในแต่ละงวดขึ้นไปเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่ง โคเอน ได้เตือนถึงผลที่ตามมากับผู้ที่ถูกลอตเตอรี่กับชีวิตที่พลิกผันของพวกเขาหลังถูกรางวัล อย่างเช่น เรื่องดังของ แอนดรูว์ “แจ็ค” วิทเทเกอร์ จูเนียร์ ที่ถูกสลากรางวัลใหญ่ในการซื้อสลากเพียงแค่ใบเดียวเมื่อปี 2002 แต่สุดท้ายได้กลายเป็นเหยื่อของคดีฉาว การจมอยู่กับคดีความและการถูกขอเงินครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขากลายเป็นคนที่ไม่ยอมเชื่อใจใครได้ง่าย ๆ หลังจากนั้น
อย่างไรก็ตาม โคเอน บอกว่าไม่ใช่เศรษฐีสลากกินแบ่งทุกคนที่ลงเอยเช่นนั้น โดยกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าเราจะพยายามปฏิเสธมันก็ตาม แต่เราดูเหมือนจะเชื่อในความมีคุณธรรมที่ว่า – หากเราได้รางวัลใหญ่ มันเป็นเงินที่มาจากโชค ดังนั้นคุณไม่ควรจะได้รับมันเลย”
และได้ทิ้งท้ายว่า ในการศึกษาหลายชิ้นต่างชี้ว่า “ผู้ที่ถูกลอตเตอรีเป็นผู้ที่มีความสุขมากกว่า สุขภาพแข็งแรงกว่า และมั่งคั่งกว่าคนอื่น ๆ ทั่วไป”
- ที่มา: เอพี