Your browser doesn’t support HTML5
ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Rowan ในรัฐ New Jersey ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ชี้ว่าวีธีการตรวจเลือดที่ทีมงานพัฒนาขึ้นมานี้ช่วยตรวจพบความบกพร่องด้านความสามารถทางความคิดแบบอ่อนๆ ได้ ซึ่งมักจะพบได้ทั่วไปในผู้ป่วย 10 ปีหรือนานกว่านั้น ก่อนหน้าที่จะป่วยรุนแรงด้วยโรคนี้
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่า คนที่เเสดงความบกพร่องทางความคิดอ่านไม่ได้พัฒนาเป็นอัลไซม์เมอร์สเสมอไปทุกคน และอาการบกพร่องด้านความสามารถทางความคิดเเบบอ่อนๆ ที่เรียกว่า MCI มีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไปหลายอย่างด้วยกัน รวมทั้งที่เกิดจากโรคปลอกประสาทอักเสบ โรคพาร์คินสัน โรคหลอดเลือด โรคซึมเศร้า และอาการบาดเจ็บรุนแรงในสมอง
ทีมนักวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวารสารของสมาคม Alzheimer’s Association เมื่อเร็วๆนี้ โดยกล่าวว่าการตรวจตัวอย่างเลือดที่ทีมงานพัฒนาขึ้น สามารถระบุแยกความบกพร่องทางความสามารถทางความคิดอ่านแบบต่างๆ ออกจากกันได้ และสามารถระบุได้ถูกต้องเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ผู้ป่วยคนใดที่น่าจะพัฒนาเป็นโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซม์เมอร์สแบบก้าวหน้า
ทีมนักวิจัยศึกษาเรื่องนี้ในการวิจัยในรัฐ New Jersey โดยทำการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของอาสาสมัคร 236 คน และอย่างน้อย 50 คนมีอาการบกพร่องด้านความคิดอ่านแบบอ่อนๆ ที่เรียกว่า MCI ซึ่งจะพัฒนาเป็นอัลไซม์เมอร์สในที่สุด
ด้านคุณ Cassandra De Marshall ผู้ร่างผลการวิจัยนี้กล่าวว่า ผลการศึกษาของทีมงานชี้ว่า สามารถใช้ตัวแอนติบอดี้ในเลือดในปริมาณเล็กน้อยในการวินิจฉัยอาการของโรคอัลไซม์เมอร์สในระยะเริ่มต้นได้อย่างถูกต้อง นักวิจัยหญิงคนนี้ชี้ว่า ผลการศึกษาวิจัยนี้อาจจะนำไปสู่การพัฒนาวิธีวินิจฉัยโรคอัลไซม์เมอร์สในระยะเริ่มต้นแบบง่าย ราคาไม่เเพง และเป็นวิธีที่ไม่สร้างความเจ็บปวดเเก่ผู้ป่วย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การวิจัยนี้ต้องมีทำซ้ำอีกครั้งในระดับที่ใหญ่กว่าเดิมในกลุ่มผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น แต่หากผลการศึกษารอบใหม่สามารถยืนยันผลการวิจัยครั้งเเรกว่าถูกต้อง ก็ควรให้ผู้ที่เริ่มมีอาการป่วยแบบอ่อนๆ เข้ารับการบำบัดเเต่เนิ่นๆ การบำบัดเเต่เนิ่นๆ นี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งที่เป็นตัวเงินและภาระทางจิตใจ ที่สมาชิกในครอบครัวต้องประสบในการดูแลผู้ป่วยอัลไซม์เมอร์สที่สูงวัย
คุณ DeMarshall กล่าวว่า ราว 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ทีมนักวิจัยของตนทำการศึกษามีอาการบกพร่องทางความสามารถทางความคิดแบบอ่อนๆ หรือ MCI ซึ่งเป็นอาการเบื้องต้นของโรคอัลไซม์เมอร์ส เเละเพื่อให้การบำบัดที่ถูกต้อง แพทย์จำเป็นต้องรู้เสียก่อนว่าผู้ป่วยคนใดเป็น MCI ที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซม์เมอร์สระยะเริ่มต้น หรือเป็นอาการ MCI ที่เกี่ยวข้องกับโรคสมองเสื่อมชนิดอื่นๆ
ด้านด็อกเตอร์ Robert Nagele ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัย Rowan และหัวหน้าทีมนักวิจัยกล่าวว่า ผลการศึกษาทื่ได้นี้มีความสำคัญอย่างมากเพราะการเปลี่ยนแปลงในสมองในระยะเริ่มต้นของอัลไซม์เมอร์สเกิดขึ้นในช่วง 10 ปี หรือนานกว่านั้น ก่อนหน้าที่จะปรากฏอาการของโรคที่ชัดเจน
ด็อกเตอร์ Nagele กล่าวว่า การตรวจเลือดที่ใช้สารแอนติบอดี้ เป็นตัวบ่งชี้ความบกพร่องระยะเริ่มต้นของอัลไซม์เมอร์สนี้มีความเเม่นยำ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการบำบัดเเต่เนิ่นๆ และการบำบัดจะมีประสิทธิภาพสูงเพราะสมองยังไม่เสียหายมากนัก
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)