Your browser doesn’t support HTML5
ชาวอินูเปียตเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของรัฐอลาสก้าที่ตั้งรกรากที่นี่เมื่อราวหนึ่งพันห้าร้อยปีที่เเล้ว พวกเขาล่าวาฬหัวคันศรในบริเวณทะเลขั้วโลกเหนือ โดยวาฬที่ล่าได้จะแบ่งกันบริโภคภายในชุมชน
ปัจจุบัน วาฬยังคงเป็นหัวใจสำคัญของวิถีชีวิตเเละวัฒนธรรมของคนที่นี่อยู่
ตราประจำเมืองเเบร์โรว์ (Barrow) ที่เรียกกันว่า อุทคีอาวิค (Utqiagvik ) มีรูปปลาวาฬ และสิ่งเเรกที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้คือวิีธีล่าวาฬ
ไมเคิล โดโนแวน (Michael Donovan) กัปตันล่าวาฬ กล่าวว่า เด็กๆ ออกไปล่าวาฬกับผู้ใหญ่ตั้งเเต่ยังเล็ก เพราะต้องเรียนรู้กันนานหลายปี ทำให้เขามั่นใจว่าวัฒนธรรมการล่าวาฬนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกนับพันปี
ในเมืองแบโรว์ วาฬไม่ได้เป็นเเค่อาหารเท่านั้น โดยเฉพาะในเมืองที่มีสิ่งน่าสนใจเพียงไม่กี่อย่าง วาฬเป็นจุดศูนย์กลางของงานเทศกาลนาลุคกาทัค (Nalukataq) ที่ฉลองความสำเร็จของฤดูการล่าวาฬ
งานเทศกาลนี้เริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ หลังจากนี้ผู้คนจะได้รับประทานอาหารจานอร่อยไม่ว่าจะเป็นซุปห่านไปจนถึงเนื้อและไขมันของวาฬ
หลังจากนั้นจะมีการเเสดงผาดโผน นักล่าวาฬเเละผู้ร่วมงานขึ้นกระโดดเเละตีลังกาบนแผ่นหนังแมวน้ำที่ขึงจนตึง และโยนขนมลูกอมให้กับเด็กไปพร้อมๆ กัน
ช่วงดึก คนท้องถิ่นจะแสดงการเต้นรำพื้นเมืองของชาวเอสกิโมบนแผ่นหนังของเเมวน้ำผืนเดิม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกวัย แม้เเต่กัปตันล่าวาฬ ก็ร่วมเต้นรำด้วยกันภายใต้พระอาทิตย์ยามเที่ยงคืน
และด้วยความสนุกสนานที่ได้รับ หลายคนอาจลืมไปว่าต้องทำงานหนักเเค่ไหนในการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับฤดูล่าวาฬ
SEE ALSO: อุตสาหกรรมประมง 'รัฐอแลสก้า' กับผลกระทบจากสงครามการค้า สหรัฐฯ-จีน
ครอว์ฟอร์ด แพทโคทัค (Crawford Patkotak) กัปตันล่าวาฬ กล่าวว่าตลอดทั้งปี พวกเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนหน้าฤดูล่าวาฬจะเริ่มขึ้น การล่าวาฬเป็นการหาอาหารเลี้ยงปากท้องของคนในชุมชนทุกคนเพื่อไม่ให้คนหิวโหย และจะส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อรักษาขนบธรรมเนียมเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไป
ขนบธรรมเนียมนี้เป็นงานที่เสี่ยงอันตรายมาก ไมเคิล โดโนแวน กัปตันล่าวาฬ กล่าวว่า การล่าวาฬอันตรายมาก นักล่านั่งอยู่บนเรือขนาด 20 ฟุต ต้องพายเรือเข้าไปหาวาฬที่มีขนาดถึง 30-60 ฟุต มีหลายอย่างที่อาจผิดพลาดและล้วนเต็มไปด้วยอันตรายรอบตัว นักล่าต้องนอนหลับค้างคืนบนแผ่นน้ำเเข็งที่อาจจะเเยกตัวเเล้วลอยออกไปในทะเล กระเเสน้ำเปลี่ยนทิศทาง ลมเปลี่ยนทิศหรือเรืออาจรั่ว ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามการล่าวาฬระยะหนึ่งในช่วงยุค 1970 โดยชี้ว่าจำนวนวาฬได้ลดลงมากเกินไป
กัปตันล่าวาฬ กล่าวว่า ตอนที่ต้องหยุดล่าวาฬ ชีวิตในครอบครัวของชาวอินูเปียตได้รับผลกระทบ คนโกรธเคืองรัฐบาลเเละกังวลกันมากว่าอาจจะสูญเสียสิทธิ์ในการล่าวาฬ
แต่ในที่สุด รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกข้อห้ามชนเผ่าท้องถิ่นล่าวาฬ เเต่ได้จำกัดจำนวนวาฬที่ล่าได้ต่อปีเอาไว้ ซึ่งชาวพื้นเมืองคนหนึ่งบอกว่า พวกเขายังปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายเเก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)