‘The Beekeeper’ ผงาดคว้าอันดับหนึ่งบ๊อกซ์ออฟฟิศที่ปราศจากหนังใหม่

แฟ้มภาพ - เจสัน สเตแธม นักแสดงนำภาพยนตร์ The Beekeeper ยืนโพสท่าถ่ายรูปขณะมาร่วมงานเปิดฉายที่กรุงลอนดอน เมื่อ 10 ม.ค. 2567 (Scott A Garfitt/Invision/AP)

บรรยากาศการชมภาพยนตร์ในสหรัฐฯ ค่อนข้างเงียบเหงาในสัปดาห์ล่าสุดที่ไม่มีผลงานใหม่ ๆ ออกฉาย เปิดทางให้หนังแอ็คชั่นทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ The Beekeeper ฝ่าวงขึ้นนั่งในอันดับหนึ่งหนังทำเงินสูงสุด หลังเข้าฉายมา 3 สัปดาห์แล้ว

The Beekeeper หรือ ‘นรกเรียกพ่อ’ ผลงานล่าสุดของนักแสดงขาบู๊ เจสัน สเตแธม ที่ผลิตโดย Amazon MGM Studios ทำเงินเพิ่มได้อีก 7.4 ล้านดอลลาร์ในสุดสัปดาห์นี้ จากการประเมินในวันอาทิตย์ โดยแม้ตัวเลขนี้จะต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนราว 14% รายได้สะสมจากการฉายในสหรัฐฯ ขยับมาอยู่ที่ 42.3 ล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่ รายได้รวมจากการฉายทั่วโลกก็ทะลุระดับ 100 ล้านดอลลาร์ไปแล้วด้วย

ภาพจากฉากหนึ่งในภาพยนตร์ Mean Girls ที่เผยแพร่โดยParamount Pictures (Jojo Whilden/Paramount via AP)

ส่วน Mean Girls เวอร์ชั่นมิวสิคัลจากค่าย Paramount ที่ครองอันดับหนึ่งในสัปดาห์ก่อน ถูกเบียดลงมาอยู่ที่อันดับสองหลังเก็บเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มได้อีก 7.3 ล้านดอลลาร์ที่ทำให้รายได้รวมจากการฉายในทวีปอเมริกาเหนืออยู่ที่ 60.8 ล้านดอลลาร์

แฟ้มภาพ - ทิโมธี ชาลาเมต์ นักแสดงนำจาก Wonka (Photo by Richard Shotwell/Invision/AP)

และที่ยังเหนียวแน่นไม่หลุดจาก 5 อันดับหนังทำเงินเลยก็คือ Wonka ที่มนต์เสน่ห์ของนักแสดงหนุ่ม ทิโมธี ชาลาเมต์ ในบทนักทำช็อกโกแลตสุดสร้างสรรค์แหวกทุกกฎ ดึงให้ผู้ชมมาซื้อตั๋วเข้าโรงต่อเนื่องถึง 7 สัปดาห์ โดยทำเงินเพิ่มไปได้อีก 5.9 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดรายได้รวมจากการฉายในประเทศขยับไปใกล้แตะระดับ 200 ล้านดอลลาร์ทุกที

เจ้าของตำแหน่งอันดับสี่ คือ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นชวนอพยพ Migration ที่เก็บรายได้เพิ่มไปอีก 5.1 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ภาพยนตร์แนวตลกโรแมนติกปนเซ็กซี่ Anyone But You ที่ขายตั๋วได้เพิ่มอีก 4.8 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ที่อันดับที่ 5

1. “The Beekeeper,” $7.4 million.

2. “Mean Girls,” $7.3 million.

3. “Wonka,” $5.9 million.

4. “Migration,” $5.1 million.

5. “Anyone But You,” $4.8 million.

6. “Fighter,” $3.7 million.

7. “Poor Things,” $3 million.

8. “American Fiction,” $2.9 million.

9. “Aquaman and the Lost Kingdom,” $2.8 million.

10. “Godzilla Minus One,” $2.6 million.

  • ที่มา: เอพี