เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายในสหรัฐ เร่งดำเนินงาน สอดส่องระแวดระวังการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์

เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายในสหรัฐ เร่งดำเนินงาน สอดส่องระแวดระวังการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์

เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายในสหรัฐ กำลังขับเคี่ยวดำเนินงาน เพื่อที่จะอยู่ล้ำหน้าพวกมิจฉาชีพ ในการสอดส่องระแวดระวังการบุกรุกระบบค็อมพิวเตอร์ การเจาะล้วงลักขะโมยข้อมูล การฉ้อฉน และการขึ้นภาพลามกอนาจารของเด็กทางระบบข้อมูลข่าวสารอินเทอร์เน็ท

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ระบบอินเทอร์เน็ทเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกขึ้น แต่เตือนให้ตระหนักกันถึงอันตรายทางระบบออนไลน์ โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ

เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐหรือ FBI ในลอสแอนลิสกล่าวว่า ในบรรดาอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบนั้น นักล่าเหยื่อเด็กทางอินเทอร์เน็ทเป็นเรื่องน่าวิตกที่สุด มีนักล่าเหยื่อเด็กมากขึ้นเมื่อมีระบบอินเทอร์เน็ท เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ตอนนี้ มี chatroom หรือ ห้องคุย ทางอินเทอร์เน็ทที่นักฉวยโอกาสหาประโยชน์ในทางมิชอบกับเด็ก ออกแบบขึ้นมาเป็นช่องทางให้บรรดานักล่าเหยื่อเด็กติดต่อกันได้ และมีการรวมกลุ่มกันจัดทำการอย่างเป็นระบบมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกที่แลกเปลี่ยนภาพลามกอนาจารของเด็ก ที่ถูกทำร้ายทางเพศทางออนไลน์แบบนี้ มีอุปกรณ์ระหัสลับในการอำพรางกิจกรรมของตน นักล่าเหยื่อเด็กบางคนเสาะหาช่องทางอาศัยเว็บข่ายสังคมในการหลอกล่อชักจูงเด็กให้มาพบตนตามที่ต่างๆ และทำร้ายเด็กทางเพศ บางรายสามารถเข้าถึงเด็กได้ถึงบ้านขณะที่พ่อแม่นอนหลับ

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาในนานาประเทศทั่วโลกที่คอมพิวเตอร์มระบบข่าวสารข้อมูลอินเทอรเน็ทไปถึง ในลอสแอนเจลิสนั้น FBI ทำงานร่วมกับหน่วยงานรักษากฏหมายอื่นๆ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติงานพิเศษขึ้นมาทำงานในการต่อสู้กับปัญหานี้ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ที่สำนักงานอัยการลอสแอนเจลิส กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้น หน่วยงานปราบปราม ไม่เพียงแต่ต้องการจับกุมนักล่าเหยื่อเด็กมาฟ้องร้องดำเนินคดีเท่านั้น แต่กำลังดำเนินโครงการกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและการป้องกัน โดยการให้ความรู้แก่ประชาชน มีการร่วมงานกับสถาบันการศึกษา อย่าง มหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขต นอร์ธบริดจ์ ในการจัดทำประกาศสาธารณะออกสื่อโทรทัศน์และวิทยุ เตือนผู้ปกครองให้ระแวดระวังภัยต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ทที่จะมีต่อเด็ก

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายยังวิตกเกี่ยวกับกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นภัยต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กหญิงวัยรุ่น อย่างกิจกรรมที่เรียกว่า sexting ซึ่งเป็นคำที่มาจากการส่งข้อความถึงกันได้ในทันทีทางอินเทอร์เน็ทที่เรียกว่า texting ด้วย บางครั้งเด็กวัยรุ่นที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มักส่งภาพถ่ายล่อแหลมของตน หรือวัยรุ่นคนอื่นๆ ออกไปทั่ว ซึ่งผลตามมามักเป็นเรื่องน่าสลดใจ เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นความกดดันในบรรดาเพื่อนฝูงที่ให้ทำตามแบบกัน และน่าวิตกที่เด็กสาววัยรุ่นมักส่งภาพถ่ายล่อแหลมของตนให้เพื่อนชาย พอมีเรื่องขัดใจกันเลิกลากันไป เพื่อนชายมักส่งภาพถ่ายนั้นต่อๆ ออกไปทั่ว ทำให้เด็กสาวเหล่านั้นรู้สึกอับอาย บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย อันตรายร้ายแรงทางอินเทอร์เน็ทอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในบรรดาเด็กวัยรุ่น ที่สนทนาแลกเปลี่ยนข้อความทางเพศกันอย่างโจ่งแจ้ง

นักจิตวิทยาสังคมที่มหาวิทยาลัยเซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย เตือนผู้ปกครองให้ตักเตือนลูกหลาน ให้ระวังภัยทางอินเทอร์เน็ท เช่นเดียวกับที่เคยเตือนให้เด็กๆ ระวังตัวเวลาข้ามถนน หรือเวลาพบคนแปลกหน้า และแนะนำว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องคอยสังเกตเวลาที่เด็กๆ ใช้อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ไปถึงไอโฟน และกฏข้อสำคัญที่สุด คือ คอมพิวเตอร์ที่เด็กใช้ จะต้องอยู่ในสายตาของสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว และเด็กจะต้องรู้กฏการปฏิบัติในการใช้ระบบอินทอร์เน็ท และเด็กไม่ควรให้ชื่อ ที่อยู่แก่คนแปลกหน้า หรือพูดคุยในเชิงทอดสนิทกับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยทางอินเทอร์เน็ท