ทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตการณ์ด้านอาหาร แต่นักรณรงค์เชื่อว่าทุกคนสามารถช่วยแก้ไขได้

เวลานี้โลกกำลังเผชิญกับปัญหาหลายประการ ตั้งแต่สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงไปจนถึงวิกฤตการณ์ด้านอาหาร ซึ่งเกษตรกร และนักรณรงค์ทางสังคมผู้หนึ่งเชื่อว่าทุกคนสามารถช่วยแก้ไขต่างๆ ได้ ด้วยการปลูกผลผลิตเพื่อนำมาเป็นอาหารสำหรับตนเอง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค

Sharon Astyk นักรณรงค์ทางสังคม ที่พยายามทำงานตามความเชื่อที่ว่านี้ เพราะเชื่อว่าเป็นวิธีนำไปสู่แหล่งอาหารและสุขภาพที่ดีขึ้น และยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารโลกได้ด้วย

คุณ Sharon Astyk เชื่อว่า การเกษตรต้องกลับมาเป็นส่วนสำคัญ ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ดังเช่นสมัยก่อน เธอเรียกร้องให้คนอเมริกันเริ่มปลูกผลผลิตไว้ทานเอง และว่าอเมริกาต้องการเกษตรกรเพิ่มอีกราว 100 ล้านคน

เมื่อพูดถึงเกษตรกร นักรณรงค์ทางสังคมผู้นี้บอกว่า เธอไม่ได้หมายความว่าผู้คนจะต้องพากันออกมาจับจองที่ดินผืนใหญ่ ในแถบกลางประเทศซึ่งเป็นพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ แต่หมายถึงผู้คนต่างทำสวนหรือแปลงเกษตรขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกทำอยู่ และกำลังแพร่หลายมากขึ้นทั่วอเมริกา

คุณ Sharon Astyk ระบุว่า 85% ของพื้นที่การเกษตรทั่วโลก คือที่ดินผืนเล็กไม่ถึง 32 ไร่ แม้แต่ในสหรัฐเอง การเกษตรขนาดเล็ก ก็เป็นแหล่งผลิตอาหารได้ปริมาณมหาศาล แต่คนทั่วไปมักจะเชื่อว่าผลผลิตส่วนใหญ่ ต้องมาจากการเกษตรขนาดใหญ่ คุณ Astyk เขียนไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของเธอ A Nation of Farmers ว่า การเกษตรขนาดเล็ก คือคำตอบของปัญหาต่างๆ ที่โลกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ตั้งแต่ปัญหาสภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และปัญหาพลังงาน เธอบอกว่าการเกษตรขนาดใหญ่นั้นต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงปริมาณมาก และนั่นเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลงและเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลสะท้อนกลับให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลง

ในหนังสือ A Nation of Farmers คุณ Astyk ยังแนะนำถึงวิธีปลูกพืชผักผลไม้ในแปลงเกษตรเล็กๆ ของตนเอง หรือสวนของชุมชนซึ่งเป็นที่ดินเล็กจัดสรรให้คนในชุมชน หรือแม้แต่ทำสวนบนดาดฟ้าอาคารหรือตามระเบียงหรือในกะบะ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตาม การจะขยายแนวคิดแปลงเกษตรในเมืองนี้ออกไปได้นั้น สิ่งสำคัญคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการเกษตรของคนอเมริกันเสียก่อน คือต้องทำให้คนทั่วไปเชื่อว่าอาหารควรมาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ไม่ใช่รอให้ผู้อื่นจัดหามาให้

นักรณรงค์ทางสังคมผู้นี้เชื่อว่าวิธีหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนได้ คือการเริ่มสอนเด็กเล็กตั้งแต่ในโรงเรียนว่าแนวทางนี้ไม่ใช่ของดั้งเดิม แต่เป็นแนวทางใหม่ที่นำสิ่งดีดีในอดีตมาปรับใช้ เพื่ออนาคตแบบที่เราอยากให้เป็น คุณ Astyk ยังบอกด้วยนะครับว่า นอกจากการปลูกพืชผักด้วยตนเองเพื่อนำมาเป็นอาหารแล้ว คนอเมริกันยังต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการบริโภคด้วย โดยเน้นที่ผลผลิตตามฤดูกาลหรืออาหารที่หาได้ในท้องถิ่น เพื่อจะได้ของที่สดกว่าและไม่ต้องแช่แข็งมากับรถบรรทุกจากที่ไกลๆเป็นเวลานานๆ

สิ่งที่คุณ Sharon Astyk กล่าวมาทั้งหมดนั้น ไม่ได้กล่าวขึ้นลอยๆ แต่เธอได้ลงทุนลงแรงทำด้วยตัวเองและครอบครัวมานาน 9 ปีแล้ว เริ่มจากแปลงเกษตรเล็กๆในรัฐนิวยอร์ค จนขณะนี้เธอสามารถผลิตนมจากแพะ ไข่จากไก่ ผักเกือบทุกชนิดที่ลูกๆช่วยกันปลูกขึ้น และอาหารส่วนใหญ่ที่ได้จากฟาร์มเล็กๆ ของครอบครัว ซึ่งเธอบอกว่าเป็นอาหารที่ดีที่สุดและอร่อยที่สุดสำหรับเธอ นักรณรงค์ทางสังคมและนักเขียนผู้นี้กล่าวส่งท้ายว่า เธอหวังว่าหนังสือ A Nation of Farmers จะช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจถึงความสำคัญของการพึ่งพาตนเองด้านอาหารมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่นต่างๆ อุดมสมบูรณ์ และยังช่วยประหยัดทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพได้อีกด้วย