นักวิจัยเตือนอันตรายของการสูบบุหรี่มือที่สาม

นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา มีเอกสารงานวิจัยมากมาย ที่ยืนยันอันตรายจากควันบุหรี่ ผู้วิจัยด้านสุขภาพได้ออกมาเตือนถึงอันตรายจากการสูบบุหรี่มือ 2 หรือคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่แต่มีโอกาสได้รับอันตรายจากการสูบของคนอื่น และล่าสุดมีนักวิจัยเตือนถึงอันตรายของการสูบบุหรี่มือ 3

นอกจากงานวิจัยหลายชิ้นนับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ที่พบว่าควันบุหรี่เป็นอันตรายต่อผู้สูบบุหรี่มือ 2 หรือคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่เองแต่มีโอกาสที่จะได้รับอันตรายจากการสูบของคนอื่น ล่าสุดมีงานวิจัยพบว่า สารพิษจากควันบุหรี่ที่ออกมาจากลมหายใจของผู้สูบบุหรี่ หรือที่ติดอยู่ตามภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ ก็เป็นอันตรายต่อคนใกล้เคียงได้เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญเปรียบอันตรายนี้ว่าเป็นการสูบบุหรี่มือ 3

นายแพทย์โจนาธาน วินิคคอฟ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ศึกษาวิจัยประเด็นนี้มาประมาณ 10 ปีแล้ว เขาบอกว่า สารเคมีที่เป็นอันตรายจากควันบุหรี่นั้น สามารถตรวจพบได้ในบ้าน แม้ผู้สูบบุหรี่ออกไปสูบอยู่นอกบ้าน

คุณหมอโจนาธาน ระบุว่า คนที่สูบบุหรี่นอกบ้าน เมื่อกลับเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็ยังคงปนเปื้อนจากควัน สารพิษจากควันบุหรี่ออกมาจากลมหายใจบและจากที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าเข้ามาในบ้าน ที่กล่าวมานี้มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอกด้วยว่า กลิ่นและสารพิษจากควันบุหรี่จะตกค้างอยู่ตามพรม เครื่องเรือน เสื้อผ้า และของใช้อื่นๆ สารพิษเหล่านี้ส่วนใหญ่ มนุษย์รู้จักดี เช่น ไฮโดรเจน ไซยาไนด์ซึ่งใช้ในอาวุธเคมี คาร์บอน มอนนอกไซด์ ซึ่งพบในไอเสียรถยนต์ แอมโมเนีย ซึ่งอยู่ในน้ำยาทำความสะอาดบ้าน โครเมียมและตะกั่วซึ่งใช้ทำเหล็กกล้า เป็นต้น

สารพิษตกค้างจากบุหรี่สามารถทำอันตรายต่อทุกคน แต่เด็กๆ นั้นมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายมากที่สุด

คุณหมอโจนาธาน เผยว่า เด็กมีมวลของร่างกายน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่มีอัตราการเผาผลาญอาหารสูงกว่าและมีการหายใจที่เร็วกว่าอีกด้วย นอกจากนี้เนื้อเยื่อต่างๆ ในเด็กอยู่ในช่วงของการพัฒนา ดังนั้นเมื่อได้รับสารพิษในปริมาณเท่ากัน ก็จะเข้าสู่ร่างกายของเด็กได้ง่ายและมากกว่าผู้ใหญ่

วารสารกุมารเวชศาสตร์ฉบับเดือนมกราคม รายงานผลสำรวจของคุณหมอวินิคคอฟพบว่าพ่อแม่มีแนวโน้มจะห้ามสูบบุหรี่ที่บริเวณบ้าน ถ้าพวกเขาเชื่อว่าการสูบบุหรี่มือ 3 กำลังเป็นอันตรายต่อเด็ก ดังนั้นจึงมีความสำคัญที่ต้องเผยแพร่งานวิจัยนี้ออกไป ให้กว้างขวาง

คุณหมอวินิคคอฟ บอกว่า ถ้าพ่อแม่ได้กลิ่นควันบุหรี่ ก็จะรู้สึกตระหนักถึงอันตราย และรีบนำเด็กๆออกห่างจากบริเวณ และสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่นั้น ผลวิจัยนี้มีความชัดเจนว่าถ้าต้องการปกป้องเด็กๆ และผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ สิ่งดีที่สุดที่ควรทำคือการเลิกบุหรี่ นั่นเอง