งานวิจัยที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ ลงความเห็นว่าแหล่งพลังงานทางเลือก มีส่วนทำให้ราคาอาหารโลกเพิ่มสูงขึ้น และว่าเชื้อเพลิงชีวภาพดังกล่าว ยังอาจเพิ่มปริมาณแก๊สเรือนกระจกพืชที่ทำให้บรรยากาศห่อหุ้มโลกร้อนขึ้นได้ด้วย
รายงานดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า Gallagher Review ตามชื่อนักวิชาการที่เป็นผู้ศึกษา วิเคราะห์และเขียนรายงานฉบับนี้ขึ้นมา โดยมีรัฐบาลอังกฤษเป็นผู้ว่าจ้าง
Gallagher Review ลงความเห็นว่า อังกฤษไม่ควรเลิกการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ แต่ควรชะลอการผลิตและการใช้ ในขณะที่รอให้มีนโยบายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ออกมาก่อน
รัฐบาลอังกฤษยอมรับข้อสรุปและข้อเสนอแนะของรายงานฉบับนี้
รมต. Ruth Kelly ของกระทรวงการขนส่งของอังกฤษ กล่าวว่า ศาสตราจารย์ Gallagher มีข้อสรุปไว้ด้วยว่า มีความเสี่ยงที่การขยายการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพอย่างไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน อย่างเช่น ป่าเขตร้อน เพื่อปลูกพืชที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งในที่สุดแล้ว เป็นการเพิ่มแก๊สเรือนกระจกพืช ทำให้ราคาอาหารสูงขึ้น และอาจเกิดการขาดแคลนอาหารได้ด้วย
แต่รายงานฉบับนี้ ไม่เห็นด้วยกับคำเรียกร้องที่ให้ระงับการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ โดยให้เหตุผลว่า จะไปลดสมรรถนะของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพในการลงทุนเพื่อค้นคว้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆที่ดีกว่า และอาจทำให้แสวงหาศักยภาพระยะยาวของเชื้อเพลิงที่ว่านี้ได้ยากขึ้นด้วย
องค์กรหนึ่งที่เรียกร้องให้ระงับการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ คือ Action Aid รายงานที่ทางองค์กรทำขึ้นมา เรียกชื่อว่า “Cereal Offenders” กล่าวหาว่า เชื้อเพลิงชีวภาพทำให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นไปแล้ว 30% องค์กรนี้ต้องการให้ระงับการผลิตและการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพเป็นเวลา 5 ปี ยุติการให้เงินอุดหนุนการเพาะปลูกพืชที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และเพิ่มความพยายามในการหาแหล่งพลังงานทางเลือกอื่นๆ
คุณ Claire Melamed โฆษกของ Action Aid บอกกับ Voice of America ว่า Action Aid รู้สึกผิดหวังกับรายงานของศาสตราจารย์ Gallagher แม้จะเห็นด้วยกับข้อสรุปที่ให้มีความระมัดระวัง
โฆษกของ Action Aid กล่าวว่า ควรจะระงับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพในเวลานี้ และหาทางว่า ทำอย่างไรจึงจะผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพที่ช่วยลดแก๊สเรือนกระจกพืชได้ โดยไม่ทำให้ผู้คนนับร้อยๆล้านต้องอดหยากหิวโหย
อังกฤษยอมรับแผนของสหภาพยุโรป หรือ EU ที่จะผสมเชื้อเพลิงชีวภาพในปริมาณ 5% เข้ากับน้ำมันรถและน้ำมันดีเซลที่ขายในประเทศภายในปีค.ศ. 2010 เพิ่มเป็น 10% ภายในสิบปีต่อจากนั้น แต่รมต. Ruth Kelly กล่าวว่า เนื่องเพราะรายงาน Gallagher รัฐบาลกำลังทบทวนเป้าหมายที่ EU กำหนดไว้
ขณะเดียวกัน โฆษกทางด้านพลังงานของ EU คุณ Ferran Tarradellas ไม่มีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างที่ว่า เชื้อเพลิงชีวภาพทำให้ราคาอาหารโลกสูงขึ้น
โฆษกของ EU ผู้นี้กล่าวว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าใครเพื่อน คือราคาข้าว และไม่มีการนำข้าวไปใช้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเลย
เชื้อเพลิงชีวภาพส่วนใหญ่ผลิตจาก ข้าวโพด อ้อย และน้ำมันพืช
ขณะเดียวกัน นาย Robert Zoelick ประธานธนาคารโลก กล่าวในที่ประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม G-8 ซึ่งประชุมสุดยอดอยู่ที่ญี่ปุ่นในเวลานี้ว่า เชื้อเพลิงชีวภาพมีส่วนทำให้ราคาอาหารโลกสูงขึ้น โดยระบุราคาข้าวโพด และเมล็ดพืชที่นำไปทำน้ำมันพืชในสหรัฐและยุโรปเป็นตัวอย่าง