การประชุมประจำปีของบรรดาผู้นำทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ และของรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่ประกอบเป็นที่ประชุมเศรษฐกิจโลก เริ่มขึ้นแล้วที่เมือง Davos, Switzerland
ผู้สื่อข่าว VOA, Barry Wood รายงานจากเมืองซึ่งเป็นสถานที่เล่นสกีนี้ว่า ผู้ร่วมการประชุมกำลังถกกันเกี่ยวกับความหวั่นวิตกว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะซบเซา และการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตกอย่างมากน่าตกใจ
ในวันที่ 23 – 27 มกราคมนี้ บรรดาผู้นำทางเศรษฐกิจ การเมือง และรัฐบาล ตลอดจนองค์การหน่วยงานที่ไม่ใช่ของรัฐบาล ราว 2,000 คน กำลังร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลกประจำปีในสวิท เซอร์แลนด์ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับปัญหาเร่งด่วนทางเศรษฐกิจและสังคม
อย่างไรก็ตามในช่วงแรก ผู้นำเหล่านั้นถกกันเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งเกรงกันว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ในการประชุมแถลงข่าว ประธานร่วมของที่ประชุมครั้งนี้ต่างแสดงทัศนะเกิ่ยวกับรูปการณ์ทางเศรษฐกิจและความแปรปรวนของตลาดการเงิน
David O’ Reilly กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทน้ำมัน Chevron กล่าวว่า ความหวั่นวิตกเรื่องภาระเงินเฟื้อนั้น ไม่มีหลักฐานสนับสนุนพอ
David O’ Reilly กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐ จะปรับแก้ตัวเอง และอาจจะปรับได้รวดเร็วกว่าที่คนตระหนักกัน เขากล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่มาก และเป็นเศรษฐกิจที่สามารถดีดตัวกระเตื้องกลับขึ้นมาได้ เขาเห็นด้วยกับแนวทัศนะที่ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในสหรัฐ จะไม่มีผลกระทบต่อส่วนอื่นๆของโลกมากอย่างแต่ก่อน
ผู้บริหารของ Chevron กล่าวชี้ว่า สื่อมวลชนพากันเน้นสถานการณ์ผันผวนทางเศรษฐกิจของสห รัฐมากเกินไป
ขณะเดียวกัน K.V. Kamath กรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคาร ICICI ในอินเดียกล่าวว่าการชะลอตัวลงของตลาด ที่เริ่มในสหรัฐเมื่ิอสองสัปดาห์ก่อนนั้น มีผลน้อยมากในอินเดีย ผู้บริหารธนาคาร ICICI ในอินเดียแสดงความเห็นว่าเมื่อดูในขอบเขตหนึ่ง อย่างน้อยในส่วนของอินเดียยังมองไม่เห็นผลกระทบสำคัญใดๆ แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปลงไปในตอนนี้
ส่วนประธานร่วมของที่ประชุมเ้ศรษฐกิจโลกปีนี้ James Dimon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JP Morgan – Chase ในนครนิวยอร์คเห็นว่า วิกฤติการณ์ทางการเงินนั้นเกิดเป็นระยะๆ เขากล่าวว่า สหรัฐมีวิกฤติการณ์การเงินทุกๆ ห้าปีในระยะ 100 ปีที่ผ่านมาในเศรษฐกิจโลก และทุกครั้งก็มาจากมูลเหตุต่างๆกันไป และได้รับการแก้ไขออกมาด้วยดี
สำหรับผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจในกรุงวอชิงตัน Fred Bergsten กล่าวว่า ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจจีนและอินเดียที่เติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐจนเกินไป จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดคิดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจซบเซาไปทั่วโลกในปีนี้
อย่างไรก็ตาม อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ Tony Blair แสดงความคาดหวังว่า การประชุมเศรษฐกิจโลกครั้งนี้จะมุ่งเพ่งเล็งเกี่ยวกับลู่ทางที่จะรวมเศรษฐกิจที่เติบโตขยายตัวคึกคักในเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ให้เข้ามาในเศรษฐกิจโลก และกล่าวชี้ถึงความสำคัญของบทบาทของจีนและของอินเดียและของเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตใหม่ๆอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ที่ประขุมนั้นจะถกอภิปรายกัน
อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกกำลังเปลี่ยนที่ไปยังเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้