นายนาวาซ ชารีฟ สามารถอุทรณ์ค้านคำตัดสินของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เขามีเวลาจนถึงวันศุกร์ ที่จะถึงนี้ เขาบอกกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่าเขาแปลกใจในคำตัดสินมาก และจะเดินหน้าเจรจากับพรรค ฝ่ายค้านทั้งหมดให้ร่วมมือกับเขาในการต่อต้านการเลือกตั้ง
มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า แล้วทำไมนายนาวาส ชารีฟ ส่งใบสมัครจะลง รับการเลือกตั้งในเมื่อ พูดว่าจะไม่ ส่งผู้สมัครของพรรคพีเอ็มแอลเอ็น ของตนลงแข่งขันในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ในวันที่ 8 มกราคมนี้ ถ้าหากประธานาธิบดีเปเวซ มูชาราฟ ไม่ยอมให้ ผู้พิพากษาและอัยการสูงสุดที่ถูกปลดไป กลับเข้ามาทำหน้าที่ตามเดิม อันเป็นข้อเรียกร้องที่ผู้นำปากีสถานและรัฐบาลปฏิเสธไม่รับพิจารณา คำตอบที่ได้ เขาบอกว่าจำเป็นต้องส่งใบสมัครไปก่อน เพราะว่าทางกรรมการพรรคการเมืองของเขา ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะลงเลือกตั้งหรือไม่ลง
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว นายชาบาส ชารีฟ น้องชายของเขาก็ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งตัดสินไม่ ให้ลงสมัครรับการเลือกตั้งไปแล้ว โดยคณะกรรมการให้น้ำหนักแก่ข้อคัดค้านจาก ผู้สมัครคู่แข่งที่ว่า นายชาบาส ขาดคุณสมบัติเพราะกำลังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีในข้อหาไม่ยอมจ่ายหนี้เงินกู้ธนาคาร และข้อหาฆาตรกรรม
ทั้งสองศรีพี่น้อง ส่งใบสมัครลงแข่งขันชิงตำแหน่งในเขตเลือกตั้งของ มหานครละฮอร์
คงยังพอจำกันได้ว่า นางเบนนาเซีย บุตโต ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและ อดีตนายกรัฐมนตรีสองสมัย ที่เจอ ข้อหาคอรัปชั่น แต่ว่าได้รับประโยชน์จาก บทนิรโทษกรรมที่ประธานาธิบดีมูชาราฟ ร่างขึ้นมาและได้ไฟ เขียวให้ประกาศใช้ จนทำให้นางบุตโต สามารถกลับคืนสู่การเมืองปากีสถาน ได้อีกหลังหลบลี้หนีข้อ หาอยู่ต่างแดนถึง 8 ปี นั่นเป็นเพราะว่า ก่อนหน้านี้ทั้งนางบุตโต กับผู้นำปากีสถาน ได้เจรจาจะแบ่งปันอำนาจกันนั่นเอง
อย่างไรก็ดี บทนิรโทษกรรมนี้ ไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่นายนาวาซ ชารีฟ เพราะศาลตัดสินให้เขาผิดตาม ข้อกล่าวหาจี้เครื่องบินและ ก่อการร้ายของประธานาธิบดีมูชาราฟเมื่อ 8 ปีก่อน ตอนนั้น นายนาวาซ ชารีฟ เป็นนายกรัฐมนาตรีปากีสถานและพลเอกมูชาราฟ เป็นผู้นำกองทัพ และ นายชารีฟ ถูกกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังการจี้เครื่องบินลำที่ พลเอกมูชาราฟโดยสารอยู่เพื่อบังคับให้บิน โดยไม่ยอมให้ลงจอด จนกลายเป็นชนวนให้พลเอกมูชาราฟ สั่งการทางอากาศให้ทหารทำการปฏิวัติ รัฐประหารขับไล่นายชารีฟออกจากตำแหน่งและต้องไปลี้ภัยนอกประเทศในปีถัดมา