ผู้นำสหรัฐตั้งเป้าลดการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลาง…สนับสนุนให้ใช้เอทานอลแทน

ในการปราศรัย State of the Union หรือแถลงภาวะของสหรัฐและนโยบายของรัฐบาลเมื่อเร็วๆนี้ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ตั้งเป้าหมายสำหรับสหรัฐในการลดการนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางลง 75% โดยการเพิ่มเชื้อเพลิงทางเลือกอย่างอื่นและลดการใช้น้ำมันในสหรัฐลง 20% ในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้ และคาดว่านโยบายนี้จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงเอทานอลเป็นอย่างมาก

ประธานาธิบดีสหรัฐจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้อเมริกามีพลังงานเชื้อเพลิงเผื่อเลือกหลากหลาย ซึ่งจะทำได้โดยอาศัยการพัฒนาเทคโนโลยี และเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการของผู้นำประเทศ กระทรวงพลังงานสหรัฐกำลังของบประมาณจากรัฐสภา 17 ล้านดอลล่าร์เพื่อนำมาพัฒนาเทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ และกระทรวงเกษตรก็ขอเบิกงบประมาณ 1,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อใช้ในการพัฒนาพลังงานที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้ ทั้งหมดก็เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประธานาธิบดีที่จะลดการใช้น้ำมันลง 20%

ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศว่า จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยที่ดีขึ้นกว่าเดิมเพื่อพัฒนารถยนต์ประหยัดพลังงานแบบ Hybrid หรือพันธ์ผสม รวมทั้งเพิ่มการใช้ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลและไบโอดีเซลที่สะอาด ในขณะเดียวกันก็ต้องลงทุนสำหรับวิธีการใหม่ๆในการผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลอย่างต่อเนื่องด้วย

ปัจจุบัน สหรัฐมีโรงงานผลิตเชื้อเพลิงเอทานอลทั้งหมด 110 แห่ง และที่กำลังก่อสร้างอยู่อีก 73 แห่ง เอทานอลคือเชื้อเพลิงแอลกอฮอล์ที่ผลิตขึ้นโดยการนำธัญพืชซึ่งมักจะเป็นข้าวโพดมาผ่านการหมักและกลั่นออกมา แล้วนำมาผสมกับน้ำมันเบนซิน วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดการใช้น้ำมันและลดอันตรายที่มาจากไอเสียของรถยนต์ได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในแง่ลบของการใช้เชื้อเพลิงแบบนี้คือ การนำพืชที่เป็นอาหารมาทำเชื้อเพลิง อาจทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นจนกระทบต่อผู้ส่งออก และหลายคนยังเชื่อว่ากระบวนการกลั่นเอทานอลนั้นไม่ใช่วิธีใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็น

Ghassam Asrar จนท.กระทรวงการเกษตรสหรัฐกล่าวว่า ปัญหาท้าทายในขณะนี้คือการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพแบบใหม่ เชื้อเพลิงที่สามารถใช้ใบไม้ ต้นไม้และขยะหรือกากของเสียทางการเกษตรต่างๆมาผลิตเป็นพลังงานเพื่ออนาคต การวิจัยครั้งล่าสุดมุ่งเป้าไปที่การผลิตเชื้อเพลิง Cellulose Ethanol ซึ่งทำจากส่วนที่เหลือใช้ต่างๆของธัญพืชนั้น เช่นในกรณีของข้าวโพดก็คือส่วนที่เป็นลำต้น ก้านใบ รวมทั้งส่วนอื่นๆที่ต้องทิ้งอยู่แล้ว ไม่ใช่ส่วนฝักที่นำมารับประทานกัน

Susan Hunt ผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อเพลิงชีวภาพจากสถาบัน Worldwatch ในกรุงวอชิงตัน บอกว่าความพิเศษของ Cellulose Ethanol คือช่วยให้เราหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับฝ่ายที่ใช้พืชเป็นอาหารได้ และยังสามารถใช้วัตถุดิบที่ไม่เป็นภัยต่อธรรมชาติได้มากขึ้นด้วย

ประธานาธิบดีบุชกล่าวว่า อเมริกากำลังใกล้จะประสบความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่จะช่วยให้อเมริกาพึ่งพาน้ำมันจากต่างชาติน้อยลง และช่วยให้รับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกด้วย เห็นได้ชัดว่าเชื้อเพลิงเอทานอลจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อไปในอนาคต