สัปดาห์ก่อน วีโอเอได้นำเสนอเรื่องราวของ แมดดิสัน แคสทีน นักฟุตบอลลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่มีชื่ออยู่ในโผกองหน้าของทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่กำลังจะไปลุยศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชียที่อินโดนีเซียในเดือนหน้า ในวันนี้ เรามีรายงานพิเศษอีกหนึ่งชิ้น เกี่ยวกับบทบาทของคุณพ่อคุณแม่ของน้องเมย์ เบื้องหลังความสำเร็จคนสำคัญของลูกสาว
“ความรู้สึกครั้งแรกคือภูมิใจมาก ภูมิใจว่าเขาได้ใส่เสื้อธงชาติไทย ความฝันของเขาก็เป็นจริง step หนึ่งแล้ว”
วรลักษณ์ บุญศศิวิมล คุณแม่ของแมดดิสัน แคสทีน กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้เห็นลูกสาว สวมเสื้อทีมชาติไทยและทำประตูได้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกปีที่ผ่านมา
ก่อนที่จะสวมเสื้อทีมชาติไทย แมดดิสัน หรือน้องเมย์ เล่นในตำแหน่งกองหน้าของทีม NC Fusion สโมสรฟุตบอลเยาวชนชั้นนำของรัฐนอร์ธแคโรไลนา จนวันหนึ่งเธอได้บอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าอยากลงแข่งให้ทีมชาติไทย
Your browser doesn’t support HTML5
"เขาพูดขึ้นมาว่าเขามีสองสัญชาตินะ เขาอยากเล่นให้ทีมชาติไทย กั๋ยบอก โอ๊ย อย่าไปคิดเลย" วรลักษณ์กล่าว "เขาพูดมาซักปีสองปีที่แล้ว เราก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง"
ด้วยความที่น้องเมย์เคยได้มาฝึกทักษะฟุตบอลที่ไทยอยู่ตลอดในช่วงปิดภาคเรียน วรลักษณ์จึงได้ติดต่อไปทาง ณรงค์ชัย สกุลวงศ์ธนา โค้ชส่วนตัวที่คอยฝึกฝนและดูแลน้องเมย์มาตั้งแต่เด็ก
"มีท่านหนึ่ง เขาก็บอกว่าส่งวีดีโอคลิปน้องเมย์หรือว่าไฮไลท์มาก่อนนะ แล้วดูว่าใครพอจะเห็นแล้วดูว่ามีสิทธิไหม พอดูแล้ว ก็มาที่แคมป์ มาทดลองตัวดูซิว่าผ่านไหม น้องเมย์ก็ต้อง work hard ทำแล้วก็ผ่านมาได้ ก็ได้เล่นครั้งแรก"
การเข้าค่ายเก็บตัวในครั้งนั้นถือเป็นครั้งแรกที่แมดดิสันต้องอยู่ห่างจากพ่อแม่ และต้องใช้ชีวิตร่วมกับนักเตะเยาวชนหญิงไทยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"ตอนที่นั่งรถไปเข้าแคมป์ครั้งแรก เมย์หัวใจเต้นแรง มือเย็นเหงื่อออกเลยค่ะ ในอาทิตย์แรกก็ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ อยากให้แม่มาอยู่ด้วยเพราะเมย์ไม่เคยจากบ้านไปนาน ๆ ขนาดนั้น แต่หลังจากอาทิตย์ที่สอง เพื่อนร่วมทีมทุกคนก็เหมือนพี่เหมือนน้อง เราทำทุกอย่างด้วยกัน พอเข้าค่ายจบแล้ว เมย์ไม่อยากจากไปเลยค่ะ" แมดดิสัน กล่าวให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ
ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และโค้ชที่ทีม NC Fusion บอกว่าได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกครึ่งไทย-อเมริกันวัย 16 ปี หลังจากได้เข้าร่วมทีมชาติไทย
"ผมคิดว่าแมดดิสันมีความมุ่งมั่นตั้งใจและมีความเป็นผู้นำมากขึ้น โดยเฉพาะความเป็นผู้นำในสนาม ซึ่งเป็นส่ิงที่ก่อนหน้านี้เธออาจจะอาย ๆ และยังไม่ค่อยกล้า ซึ่งความเป็นผู้นำนี้ก็เป็นคุณสมบัติที่ดีในการใช้ชีวิตด้วย ผมยังดีใจด้วยที่เห็นแมดดิสันปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้ และเป็นสมาชิกที่ดีของทีม" แดนนี แคสทีน คุณพ่อของแมดดิสันกล่าว
ส่วน จอห์น พาร์ดินี โค้ชของทีม NC Fusion ให้สัมภาษณ์ว่า การได้ลงแข่งในระดับนานาชาติอย่างศึกชิงแชมป์เอเชีย ทำให้แมดดิสันมีวุฒิภาวะมากขึ้น
"การเติบโตของแมดดิสันที่ผมได้เห็นมากที่สุด ก็จะเป็นเรื่องการให้ความสำคัญต่อการฝึกซ้อม การประเมินเกมการแข่งขัน และพัฒนาการของการเป็นนักเตะ"
ถึงแม้ว่า วรลักษณ์ และแดนนี แคสทีน จะสนับสนุนลูกสาวตลอดมา แต่เบื้องหลังนั้นมีความท้าทายอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดสรรเวลา และค่าใช้จ่าย
"ความท้าทายนะคะ ก็ใช้เวลาเยอะ การที่เขาต้องไปแข่งเกมทุก ๆ อาทิตย์ ก็ต้องมีการแยกกันระหว่างพ่อแม่และลูกสองคน เพื่อที่จะให้เราสามารถให้เวลากับลูกทั้งสองคน แล้วค่าใช้จ่ายก็จะสูงมากเพราะว่า ไม่ใช่แค่เดินทางในรัฐ แต่มีเดินทางต่างรัฐทั่วประเทศ ก็มีค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าเดินทาง"
รายงานโดยองค์กร Women in Sport พบว่ามีวัยรุ่นหญิงถึง 43% ที่เลิกเล่นกีฬาหลังเรียนจบชั้นประถมศึกษา คิดเป็นสองเท่าของเด็กวัยรุ่นชาย ด้วยเหตุผลเช่น การสูญเสียความมั่นใจ แรงกดดันจากการเรียน และกลัวว่าจะถูกคนอื่นตัดสิน
อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่ของแมดดิสันกล่าวว่าลูกสาวตั้งเป้าจะเล่นฟุตบอลมืออาชีพทั้งในสหรัฐฯ และในต่างประเทศ จึงไม่ต้องห่วงว่าจะเลิกเล่นกลางคัน
"แมดดิสัน เขาเป็นคนไม่ค่อยอยู่นิ่ง ถ้าเขารู้สึกว่ามันเริ่มนิ่ง เขาก็ต้องการความท้าทายขึ้น มันก็ทำให้เราใจหายตลอดเวลา เพราะเราต้องพยายาาม support เขาตรงจุดนั้น เพื่อให้เขาไปที่ที่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ" วรลักษณ์กล่าว
"เราก็มีคุยกัน (กับคุณแดนนี) นะ แล้วก็บอกว่าเราตัดสินใจไม่ผิด เพราะว่าไม่ใช่ว่าเราลงทุนลงแรงทุกอย่างไปแล้วเขายอมแพ้หรือเลิกเล่น เขายังจะเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ ก็มีการพูดกันว่าเราตัดสินไม่ผิด"
แมดดิสันได้รับเลือกเป็นหนึ่งใน 23 นักเตะทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่จะไปลุยศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีที่ประเทศอินโดนีเซียในเดือนหน้า
เช่นเดียวกับทุกครั้ง วรลักษณ์จะเดินทางติดตามไปเชียร์ลูกสาว ขณะที่แดนนี จะส่งใจเชียร์จากสหรัฐฯ
"เมย์อยากจะขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มาก ๆ ที่ได้ช่วยเหลือสนับสนุนเมย์ทุกอย่างมาตลอด เมย์อยากให้แสดงให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่า เมย์สามารถทำได้ และเมื่อเมย์ประสบความสำเร็จในเรื่องที่ตั้งใจไว้ ความสำเร็จนั่นย่อมเป็นของทุกคนในครอบครัวของเมย์ค่ะ" แมดดิสันกล่าวทิ้งท้าย