ธนาคารโลกหวั่นราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงสุด หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาส ส่อแววยกระดับ

คนงานชาวอิหร่านกำลังซ่อมแซมท่อส่งน้ำมันจากอิหร่านไปยังปากีสถาน ที่เมืองชาบาฮาร์ใกล้พรมแดนอิหร่าน-ปากีสถาน (แฟ้มภาพ)

ธนาคารโลกรายงานในวันจันทร์ว่า ราคาน้ำมันดิบโลกอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในจุดที่ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” หากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อเนื่องให้ราคาอาหารสูงขึ้นทั่วโลกด้วย

รายงานภาพรวมตลาดสินค้าโลกของธนาคารโลก ชี้ว่า หากความขัดแย้งครั้งนี้จำกัดวงและไม่ลุกลามออกไป ราคาน้ำมันก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในทางกลับกัน หากสงครามยกระดับ ราคาน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย

ความกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสจะขยายวงออกไปทั่วตะวันออกกลางยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่ออิสราเอลส่งรถถังและทหารเข้าไปในกาซ่าในช่วงสุดสัปดาห์ และนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศเข้าสู่สงคราม “ขั้นที่สอง” ในขณะที่กลุ่มฮามาสขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากพันธมิตร รวมทั้งกลุ่มเฮซบอลลาห์ในเลบานอนที่มีอิหร่านหนุนหลัง

รายงานของธนาคารโลกจำลองสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นและผลกระทบที่จะเกิดต่อปริมาณน้ำมันดิบโลกไว้ 3 ระดับ คือ ผลกระทบน้อย ปานกลาง และสูง

ระดับน้อย – คือ สงครามไม่ลุกลาม คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะลดลงจากระดับปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไปเป็น 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า

ระดับปานกลาง – คือ ผลกระทบในลักษณะเดียวกับสงครามอิรัก ซึ่งทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโลกลดลงราว 3 – 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจมีผลให้ราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นราว 35%

ระดับสูง – อาจเปรียบได้กับเหตุการณ์คว่ำบาตรน้ำมันดิบของชาติอาหรับเมื่อปี 1973 ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำมันดิบโลกลดลง 6 – 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และราคาน้ำมันโลกกระโดดขึ้นไปแตะหลัก 140 – 157 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือราว 56% - 75%

อินเดอร์มิต กิลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก กล่าวว่า สงครามในยูเครนที่ดำเนินต่อเนื่องมานานกว่าหนึ่งปีครึ่ง ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโลกมาถึงทุกวันนี้ “และหากความขัดแย้ง (ระหว่างอิสราเอลกับฮามาส) ยกระดับขึ้นอีก เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับวิกฤตพลังงานสองด้านเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี”

อายฮาน โคเซ รองหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก ให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ราคาอาหารโลกที่ได้รับผลกระทบมาจากสงครามในยูเครนต้องขยับเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “การยกระดับความขัดแย้งครั้งล่าสุดจะมีผลให้ปัญหาความไม่มั่นคงด้านอาหารรุนแรงขึ้น และไม่ใช่แค่ในภูมิภาคตะวันออกกลางเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ แต่เป็นทั่วโลก”

ด้านผอ.บริหารสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ฟาติห์ บิโรล กล่าวว่า ในขณะที่กำลังเกิดสงครามในยูเครนและความรุนแรงในกาซ่า “ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวให้เชื่อได้ว่า น้ำมันและก๊าซธรรมชาตินั้นเป็นทางเลือกด้านพลังงานที่ปลอดภัยและมั่นคงสำหรับประเทศต่าง ๆ หรือผู้บริโภค”

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกขยับขึ้นไปแล้ว 6% นับตั้งแต่เริ่มเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ในขณะที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 8% ตามข้อมูลของธนาคารโลก

  • ที่มา: เอพี