บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหลายกำลังเผชิญหน้ากับการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย เพื่อให้พวกเขารับผิดชอบต่อวิกฤตสุขภาพจิตในหมู่เยาวชน
การฟ้องร้องเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยโรงเรียนรัฐบาลหลาย ๆ แห่งในนครซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน และเขตการศึกษาที่อยู่ตามชานเมือง แต่คดีใหม่เหล่านี้ต้องเผชิญกับเส้นทางด้านกฎหมายที่ยุ่งยากซับซ้อน
คดีความนี้มีเนื้อหาที่กล่าวโทษว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีการผลักดันเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยศาลสูงสหรัฐฯ จะรับฟ้องคดีนี้ในเดือนหน้า เพื่อดูว่ากฎหมายของรัฐบาลกลางจะปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจากการฟ้องร้องดังกล่าวมากน้อยเพียงใด
แต่ถึงแม้ว่าเขตการศึกษาต่าง ๆ จะสามารถดำเนินการฟ้องร้องต่อไปได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ได้ว่าบริษัทสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้นมีความผิดจริง
คาร์ล เซโบ (Carl Szabo) ทนายความของสมาคมการค้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยี NetChoice กล่าวว่า ไม่ควรกล่าวโทษบริษัทต่าง ๆ เพียงเพราะพวกเขาอาจแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับวัยรุ่นที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านอารมณ์ ซึ่งก็เหมือนกับการฟ้องร้องร้านหนังสือ เพียง “เพราะพนักงานแนะนำหนังสือที่ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์หรือทำให้วัยรุ่นเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี”
เมื่อไม่นานมานี้ โรงเรียนรัฐบาลหลายแห่งในนครซีแอตเทิลฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีเจ้าของ TikTok, Instagram, Facebook, YouTube และ Snapchat โดยพวกเขากล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้มุ่งเป้าหมายด้านการตลาดไปที่เด็ก ๆ
ทั้งนี้ เขตการศึกษากล่าวโทษว่า สื่อสังคมออนไลน์ทำให้เด็กเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตและความผิดปกติทางพฤติกรรม ซึ่งรวมไปถึงความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า การกินที่ผิดปกติ และการระรานทางไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
พวกเขากล่าวว่าปัญหาสุขภาพจิตนั้นทำให้การให้ความรู้แก่นักเรียนเป็นไปได้ยากขึ้น และทำให้โรงเรียนต้องดำเนินการต่าง ๆ เช่น การจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้โรงเรียนยังต้องจัดทำแผนการสอนเกี่ยวกับผลกระทบของสื่อสังคมออนไลน์และจัดการฝึกอบรมเพิ่มเติมให้แก่ครูในโรงเรียนอีกด้วย
เบรนท์ โจนส์ ((Brent Jones) ครูใหญ่ของโรงเรียนในซีแอตเทิล กล่าวในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า “นักเรียนของเราต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการเรียนรู้และการใช้ชีวิตมากขึ้น จากผลกระทบด้านลบของการใช้เวลาหน้าจอที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
อย่างไรก็ตาม กฎหมายของรัฐบาลกลางช่วยปกป้องบริษัทออนไลน์ต่าง ๆ จากการถูกดำเนินคดีตามสิ่งที่ผู้ใช้โพสต์บนแพลตฟอร์มของตน แต่การฟ้องร้องนี้มีข้อโต้แย้งว่ากฎหมายไม่ได้คุ้มครองพฤติกรรมในกรณีนี้ ซึ่งระบบของบริษัทเองก็เผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตรายด้วย
และถึงแม้ว่าคำตัดสินของศาลสูงชี้ชัดว่าบริษัทเทคโนโลยีจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ทางโรงเรียนก็ยังคงต้องแสดงหลักฐานให้เห็นว่าสื่อสังคมออนไลน์มีส่วนผิด
คดีความที่ซีแอตเทิลระบุว่า ตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปี 2019 มีรายงานนักเรียนที่มีภาวะซึมเศร้าหรือสิ้นหวังแทบทุกวัน ครั้งละหลาย ๆ สัปดาห์ เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30% แต่เซโบก็ชี้ให้เห็นว่า อัตราการสำเร็จการศึกษาของซีแอตเทิลเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งหากสื่อสังคมออนไลน์เป็นอันตรายต่อความพยายามด้านการศึกษาของเขตการศึกษานี้ อัตราการสำเร็จการศึกษาก็ไม่ควรที่จะเพิ่มขึ้น
เอริค โกลด์แมน (Eric Goldman) ศาสตราจารย์ที่ Santa Clara University School of Law ใน Silicon Valley กล่าวว่า การฟ้องร้องดังกล่าวมุ่งเน้นในเรื่อง “สื่อสังคมออนไลน์ทำร้ายเด็กอย่างไร” แต่ก็ยังมีหลักฐานมากมายที่แสดงว่าโซเชียลมีเดียมีประโยชน์ต่อเยาวชน
อย่างไรก็ตาม บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ กล่าวว่า พวกเขาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ อย่างจริงจัง โดยบางบริษัทได้แนะนำเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ปกครองทราบว่าบุตรหลานกำลังติดต่อกับใครอยู่ได้ง่ายขึ้น และได้สร้างแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิตอีกด้วย
- ที่มา: เอพี