รัสเซียใช้ขีปนาวุธยิงใส่ยูเครนรอบใหม่ในวันจันทร์ ทำให้ประชาชนต้องเข้าสถานที่หลบภัยหลายจุดทั่วประเทศ แต่กรุงเคียฟเปิดเผยว่า ระบบป้องกันทางอากาศสามารถช่วยจำกัดความเสียหายได้พอสมควร ตามรายงานของรอยเตอร์
เสียงเตือนภัยการโจมตีทางอากาศดังสนั่นกรุงเคียฟของยูเครน และส่วนอื่น ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่า เป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธระลอกใหม่ของรัสเซีย
โฆษกกองทัพอากาศยูเครน ยูริ อิห์เเน็ต กล่าวว่า "ขีปนาวุธถูกยิงออกไปแล้ว" ขณะที่ เเอนดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักประธานาธิบดียูเครนกล่าว "อย่ามองข้ามการเตือนภัย"
รอยเตอร์รายงานว่า กองทัพรัสเซียเพิ่มการเจาะจงเป้าการโจมตีบริเวณที่เป็นแหล่งพลังงานของยูเครนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ไฟฟ้าดับในวงกว้างหลายครั้ง ขณะที่รัสเซียกำลังเผชิญความยากลำบากในสนามรบอยู่
ทั้งนี้ ยูเครนคาดการณ์ว่า รัสเซียจะเดินหน้าระดมยิงถล่มรอบใหม่มาหลายวันแล้ว แต่การโจมตีนั้นเกิดขึ้นในวันที่ทางการยูเครนจะยกเลิกมาตรการดับไฟฉุกเฉินที่ประกาศใช้เพราะความเสียหายจากการถูกโจมตีก่อนหน้านี้
ด้วยเหตุนี้ หลายพื้นที่ของยูเครนจึงตกอยู่ในสภาพไม่มีพลังงานใช้ต่อไป ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเหน็บและอุณหภูมิติดลบต่อไป
ขณะเดียวกัน สื่อ RIA ของรัฐบาลมอสโกรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่ฐานทัพอากาศสองแห่งในรัสเซียในช่วงค่ำคืนวันอาทิตย์ โดยมีผู้เสียชีวิต 3 ราย
และในวันจันทร์ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขึ้นสะพานไครเมียซึ่งเชื่อมพื้นที่ทางใต้ของรัสเซียกับคาบสมุทรไครเมียที่มอสโกผนวกไว้กับตนไว้ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2014
สถานีโทรทัศน์ของรัสเซียเผยแพร่ภาพปธน.ปูติน พร้อมรองนายกรัฐมนตรีมารัต คนุสนัลลิน ขณะเยือนสะพานแห่งนี้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งรัสเซียระบุว่า เป็นฝีมือของยูเครนแต่กรุงเคียฟไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้น และระบุเพียงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น “กรรม” ของรัสเซียที่รุกรานตน
ผู้นำรัสเซียยังได้ลงมาเดินตรวจสภาพบางจุดของสะพานซึ่งยาวที่สุดในยุโรป เพื่อดูร่องรอยความเสียหายที่ยังหลงเหลืออยู่
-
ที่มา: รอยเตอร์