ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่กำลังเกิดขึ้นที่ประเทศไทย ไต้หวันมิได้ส่งตัวแทนการเมืองเข้าร่วม ท่ามกลางอิทธิพลของจีน ที่ไม่ต้องการให้ประเทศต่าง ๆ มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับเจ้าหน้าที่ไต้หวัน
บุคคลที่ทำหน้าที่เเทนประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ที่การประชุมเอเปคในครั้งนี้ คือ มหาเศรษฐีวัย 91 ปี ที่ชื่อ "มอร์ริส ชาง" ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตชิปคอมพิวเตอร์อันดับหนึ่งของโลก Taiwan Semiconductor Manufacturing Corp. หรือ TSMC
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า บทบาทกึ่งการเมืองกึ่งธุรกิจของมอร์ริส ชาง เเสดงให้เห็นถึง ทิศทางที่สวนกันของจีนในเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองไต้หวัน โดยด้านหนึ่ง ไต้หวันเป็นผู้ผลิตสินค้าทางเทคโนโลยีให้กับจีน แต่อีกด้านหนึ่งจีนกดดันไต้หวันให้ยอมรับสถานะว่าเป็นดินเเดนส่วนหนึ่งของตน
สำหรับประวัติของชาง เขาคือผู้พลิกโฉมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการก่อตั้ง TSMC เมื่อ 35 ปีก่อน ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายเเรกที่ป้อนสินค้าให้กับบริษัทเทคโนโลยีตามที่ลูกค้าออกแบบมา
นั่นหมายความว่า TSMC ทำให้บริษัทต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กสามารถเเข่งขันกับยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมได้ โดยไม่ต้องลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์เรื่องสร้างโรงงานเซมิคอนดักเตอร์
เมื่อเวลาผ่านไป TSMC กลายเป็นผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่ง และมีลูกค้าเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นผู้นำ เช่น Apple และ Qualcomm ส่วนไต้หวันก็พัฒนาศักยภาพของตนเป็นศูนย์เทคโนโลยีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
เขาสำเร็จการศึกษาจากสามมหาวิทยาลัยดังของสหรัฐฯ คือฮาร์เวิร์ด เอ็มไอทีและสเเตนฟอร์ด โดยปริญญาสูงสุดของเขาคือดุษฎีบัณฑิจด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจากสเเตนฟอร์ด
ชางเคยทำงานให้กับบริษัทอเมริกัน Texas Instrument Inc เป็นเวลาราว 25 ปี จนขึ้นสู่ระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สาขาเซมิคอนดักเตอร์
จากนั้น เขาได้รับเชิญให้ไปอยู่ไต้หวันในช่วงทศวรรษที่ 1980 ซึ่งเป็นเวลาที่เขาก่อตั้ง TSMC ก่อนนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่นิวยอร์กช่วงปลายทศวรรษ ถือเป็นบริษัทไต้หวันรายเเรกที่ซื้อขายหุ้นได้ที่ New York Stock Exchange โดย ชาง ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท TSMC จนถึงค.ศ. 2018
เฉพาะมูลค่าหุ้นที่ชางถือครองอยู่ใน TSMC ทำให้เขามีสินทรัพย์ 1,600 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานของเอพี
นอกจากบทบาทในวงการเทคโนโลยี นักธุรกิจผู้นี้เคยเป็นตัวเเทนประธานาธิบดีไต้หวันร่วมประชุมเอเปคมาเเล้วในปี ค.ศ. 2006 2018 2019 และ 2020
ดังนั้น แม้ชางจะไม่ใช่ผู้นำสูงสุดของไต้หวัน เต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ร่วมประชุม "หน้าใหม่" บนเวทีเอเปคอย่างเเน่นอน
- ที่มา: เอพี