เกร็ดน่าสนใจหลังศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ

US-VOTE-ELECTION

ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ พรรครีพับลิกันคาดการณ์ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ “คลื่นสีแดง” สีที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรครีพับลิกัน ซึ่งสะท้อนถึงแรงหนุนจากประชาชนให้ผู้แทนจากพรรครีพับลิกันเข้าไปนั่งในสภาสหรัฐฯ กันคึกคักในการเลือกตั้งครั้งนี้ ในช่วงที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันปฏิเสธเสียงข้างมากจากฝั่งเดโมแครต หลังความล้มเหลวในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อและปัญหาอาชญากรรมที่พุ่งสูงขึ้นจนจนน่ากังวลในอเมริกา

ทว่า ความจริงที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างจากการคาดการณ์อยู่มาก ในช่วงเช้าวันพุธ หลังการเลือกตั้งกลางเทอมผ่านพ้นไปได้หนึ่งคืน เพราะแทนที่กระแสการต่อต้านจะเกิดขึ้นแบบถล่มทลาย เพื่อสะท้อนถึงผลงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และพรรคเดโมแครตของเขา แต่ผลการเลือกตั้งที่เริ่มออกมากลับให้ผลที่ยากจะตีความ

สำนักข่าวเอพีรวบรวมประเด็นสำคัญในศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ที่คอการเมืองอเมริกันต้องเกาะติดใกล้ชิด

Sun rises over the U.S. Capitol following midterm elections in Washington

โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขณะที่ฝั่งรีพับลิกันหวังชัยชนะแบบถล่มทลายแต่กลับไม่ได้ดังคาดฝัน หลังพรรคเดโมแครตเอาชนะในหลายพิกัดที่เป็นพื้นที่สมรภูมิ ในขณะที่ชะตาของพรรคเดโมแครนในสภาสูงนั้นยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน

ตัวแทนจากพรรคเดโมเครตหลายคนแสดงผลงานเกินความคาดหมายในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเฉพาะรองผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย จอห์น เฟตเตอร์แมน จากพรรคเดโมแครต เอาชนะคู่แข่งคนดังจากรีพับลิกัน คว้าเก้าอี้ ส.ว. ที่เปิดว่างไว้และเคยเป็นของรีพับลิกันมาได้ ส่วนการขับเคี่ยวในรัฐสมรภูมิอื่น ๆ ยังยากที่จะคาดเดา

ขณะที่รัฐแอริโซนาและเนวาด้า ซึ่งเป็นพิกัดรัฐสมรภูมิที่กำหนดว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจยังไม่รู้ผลในอีกหลายวัน เพราะทั้งสองรัฐต่างยังต้องนับคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่ใช้เวลานานในการนับคะแนน

Vote counting in Arizona midterm election

ประวัติศาสตร์ก็คือประวัติศาสตร์

ประวัติศาสตร์ถูกเรียกว่าประวัติศาสตร์เพราะเหตุผลบางอย่าง เนื่องจากตามประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน พบว่า พรรคของประธานาธิบดี มักจะเผชิญกับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งกลางเทอมในช่วง 2 ปีจากนั้น

ทั้งจากประวัติศาสตร์การเมือง พ่วงด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ที่ถูกปกคลุมด้วยปัญหาเงินเฟ้อและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจถดถอย และความกังวลเรื่องอาชญากรรม ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าผลการเลือกตั้งจะต้องเป็นไปในทิศทางเช่นนั้น

โดยนับตั้งแต่ปี 1906 มีการเลือกตั้งกลางเทอมเพียง 3 ครั้ง ที่พรรคของประธานาธิบดียังคงได้เสียงข้างมากในสภา คือในปี 1934 ในช่วงที่อเมริกาเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในปี 1988 ที่สหรัฐฯ อยู่ในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู และในปี 2002 ในช่วงที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้รับคะแนนนิยมพุ่งทะลุปรอทจากเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ปี 2001

US-VOTE-ELECTION-NEW YORK

ฟลอริดายังเป็นรัฐสมรภูมิอยู่หรือไม่?

ผู้ว่าการรัฐ รอน เดอซานติส และวุฒิสมาชิก มาร์โก รูบิโอ จากพรรครีพับลิกันทั้งคู่ เป็นหลักฐานที่ชี้ว่ารัฐฟลอริดาเริ่มเป็นรัฐสีแดงขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่รัฐนี้เคยเป็นรัฐสมรภูมิในยุคแรกเริ่ม เพราะเป็นรัฐที่หนุนให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว

ฟลอริดาในปัจจุบัน ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีแนวคิดสนับสนุนเดโมแครตมากกว่ารีพับลิกันในปี 2020 ได้เริ่มเปลี่ยนไปในแนวทางอนุรักษ์นิยมมากขึ้น จากแรงหนุนของกลุ่มที่สนับสนุนรีพับลิกันอย่างเหนียวแน่น กลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื้อสายฮิสแปนิก และคลื่นพลเมืองหน้าใหม่ที่เป็นคนวัยเกษียณที่ย้ายสำมะโนครัวมายัง Sunshine State แห่งนี้

Incumbent Florida Republican Gov. Ron DeSantis, his wife Casey and their children on stage after speaking to supporters at an election night party after winning his race for reelection in Tampa, Nov. 8, 2022.

ชัยชนะของเดอซานติส ที่ได้เป็นผู้ว่าการรัฐเมื่อปี 2018 ด้วยคะแนน 30,000 เสียง แต่ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันอังคาร เขาได้รับชัยชนะในอย่างน้อย 6 เขตปกครองที่เขาพ่ายแพ้เมื่อ 4 ปีก่อน และเป็นพิกัดที่ปธน.ไบเดน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปธน.เมื่อ 2 ปีที่แล้วอีกด้วย ขณะที่ฝั่งเดโมแครตอ้างว่า ความปราชัยในรัฐนี้มาจากการลงทุนที่น้อยมากจากทางพรรคในการเลือกตั้งกลางเทอม

คาร์โล เคอร์เบโล อดีตสมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกัน เรียกรัฐฟลอริดาว่า “หลุดจากแผนที่ของเดโมแครตในอนาคตอันใกล้” และว่า “พรรคเดโมแครตต้องกลับมาคิดว่าจะสร้างฐานเสียงขึ้นมาใหม่ที่นี่ได้อย่างไร เพราะแนวร่วมโอบามาของรัฐนี้ไม่มีอยู่แล้ว”

USA-ELECTION/

คลื่นสีแดง หรือ แค่แรงกระเพื่อม?

ยังยากที่จะตัดสินในอีกระยะไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จนกว่าการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์จะเสร็จสิ้น อย่างที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแล้วเสร็จ

แต่สิ่งที่แน่ชัดอย่างหนึ่ง คือ จะไม่เกิดชัยชนะของรีพับลิกันแบบถล่มทลายเหมือนในปี 2010 หรือในปี 1994 นั่นเป็นเพราะว่า ไม่ค่อยมีสนามที่ขับเคี่ยวกันมากนักในปีนี้ ขณะที่ผลลัพธ์ปลายทางไม่ว่าผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรก็คือ การประนีประนอมที่ลดลง และการติดขัดงัดข้อที่ในสภาที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้านั่นเอง

Election 2022 Congress

เลือกตั้งกลางเทอมที่ แพงที่สุดในประวัติศาสตร์

ข้อมูลจาก OpenSecrets ระบุว่า ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2022 นี้ เตรียมทะยานแตะ 16,700 ล้าน ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกตั้งกลางเทอมที่แพงที่สุดเท่าที่เคยจัดมา ซึ่งมากกว่าการจัดเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อปี 2014 เกือบเท่าตัว และเกือบเท่ากับผลผลิตมวลรวมของมองโกเลียในปีนี้ทีเดียว

  • ที่มา: เอพี