อิหร่านท้าทายตะวันตก เดินหน้าส่งโดรน-ขีปนาวุธให้รัสเซีย

อิหร่านเตรียมส่งขีปนาวุธและโดรนเพิ่มเติมให้แก่รัสเซีย ตามการยืนยันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและนักการทูตของอิหร่าน ซึ่งอาจเป็นท่าทีที่สร้างความขุ่นเคืองแก่สหรัฐฯ และชาติตะวันตก ท่ามกลางสงครามยูเครนที่ยังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ตามรายงานของรอยเตอร์

หนึ่งในนักการทูตอิหร่านรับทราบเรื่องข้อตกลงจัดซื้ออาวุธระหว่างรัสเซียและอิหร่าน ในช่วงเวลาที่รองประธานาธิบดีอิหร่าน โมฮัมหมัด มอคห์เบอร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงอิหร่านเยือนกรุงมอสโกเมื่อ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า “รัสเซียได้สั่งซื้อโดรนและขีปนาวุธที่มีความแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะขีปนาวุธในรุ่น Fateh และ Zolfaghar ของอิหร่าน”

ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากชาติตะวันตกได้รับทราบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวยืนยันกับรอยเตอร์ด้วยว่า มีการทำข้อตกลงระหว่างอิหร่านและรัสเซียเกิดขึ้น

เมื่อวันจันทร์ ทำเนียบขาวระบุว่า อิหร่านอาจไม่พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และปฏิเสธเรื่องการจัดส่งอาวุธให้รัสเซียทำสงครามยูเครน ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ชี้ว่า อิหร่านละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติไปแล้วในกรณีนี้

ในประเด็นนี้ นักการทูตอิหร่านที่ให้ข้อมูลกับรอยเตอร์รายนี้ ปฏิเสธคำยืนยันจากชาติตะวันตกที่ว่าข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเมื่อปี 2015 โดยระบุกับรอยเตอร์อีกว่า “พื้นที่ที่นำอาวุธไปใช้ไม่ใช่ปัญหาของประเทศผู้ค้า เรา (อิหร่าน) ไม่ได้เลือกข้างในวิกฤตยูเครนเฉกเช่นชาติตะวันตก เราต้องการยุติวิกฤตนี้ผ่านวิธีทางการทูต”

รัสเซียส่งโดรนโจมตีกรุงเคียฟ เสียชีวิต-เจ็บ นับสิบราย

ก่อนหน้านี้ ยูเครนรายงานว่า รัสเซียใช้โดรนที่ผลิตโดยอิหร่าน Shahed-136 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ แต่อิหร่านปฏิเสธเรื่องการจัดส่งโดรนให้รัสเซีย และการได้เห็นขีปนาวุธอิหร่านเพิ่มเข้ามาในกองทัพรัสเซียนอกเหนือจากโดรนในสงครามยูเครน จะยิ่งสร้างความตึงเครียดระหว่างอิหร่าน กับสหรัฐฯ และชาติตะวันตกมากขึ้นไปอีก

โดยในวันอังคาร รัฐบาลเครมลิน ยังคงปฏิเสธเรื่องที่กองทัพรัสเซียใช้โดรนอิหร่านในการโจมตียูเครนอยู่ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารัสเซียเคยใช้โดรนอิหร่านในสมรภูมิยูเครนหรือไม่ โฆษกรัฐบาลเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ ระบุว่า รัฐบาลเครมลินไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้โดรนดังกล่าว และว่า “ที่ผ่านมามีการใช้ยุทโธปกรณ์ของรัสเซียที่มีชื่อเป็นของรัสเซีย” ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ไม่ได้ตอบคำถามในประเด็นดังกล่าวในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้

• ที่มา: วีโอเอและรอยเตอร์