ป้ายประท้วง 'สี จิ้นผิง' โผล่กลางกรุงปักกิ่ง ก่อนประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์

CHINA-CONGRESS/PROTESTS-BEIJING-UGC

พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ในกรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งคาดการณ์กันว่าประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะได้รับการรับรองให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นเวลาอีก 5 ปี ถือเป็นการดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของพรรคติดต่อกันเป็นสมัยที่สาม ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของจีน

ทางการกรุงปักกิ่งได้เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย โดยการปิดถนนและเพิ่มการตรวจตราในเมืองหลวงก่อนที่จะมีการประชุมระดับผู้นำของจีนที่จัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี

อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งให้ชาวจีนส่วนหนึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ถึงแม้ว่าจะต้องเสี่ยงติดคุกเป็นเวลาหลายปีก็ตาม

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีการนำเอาป้ายสีขาวขนาดใหญ่มาแขวนไว้บนทางยกระดับ ในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง โดยป้ายดังกล่าวมีข้อความที่เขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงที่เรียก สี จิ้นผิง ว่าเป็น “เผด็จการ” เรียกร้องให้นักศึกษาและคนทำงานหยุดงานประท้วง และประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์อันเข้มงวดของจีน

People watch while smoke rises as a banner with a protest message hangs off Sitong Bridge, Beijing, China October 13, 2022 in this image obtained by REUTERS.

นอกจากป้ายข้อความดังกล่าวแล้ว ยังมีรายงานว่าเกิดควันไฟ อันน่าจะมาจากมีคนจุดกองไฟขนาดเล็กในบริเวณที่แขวนป้ายเพื่อดึงความสนใจอีกด้วย ภาพถ่ายของป้ายดังกล่าวถูกบล็อกอย่างรวดเร็วในสื่อสังคมออนไลน์ในจีน กลุ่มแชทต่าง ๆ ที่แชร์รูปภาพและคลิปวีดีโอดังกล่าวผ่านทาง วีแชท (WeChat) แอพพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ก็ถูกปิดลงเช่นกัน แต่เนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวถูกแชร์อย่างแพร่หลายผ่านช่องทางทวิตเตอร์ ซึ่งถูกบล็อกในประเทศจีน

นายบิล เบอร์เทิลส์ (Bill Birtles) ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกของสถานีโทรทัศน์ Australian Broadcasting Corporation หรือ ABC ของประเทศออสเตรเลีย ได้แชร์คลิปวีดีโอผ่านทวิตเตอร์ เป็นภาพจากมุมบนของทางยกระดับดังกล่าวที่แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ตำรวจรีบเข้าไปดึงป้ายเหล่านั้นออก เช่นเดียวกับรถดับเพลิงที่เข้าไปดับไฟ

นายเบอร์เทิลส์เขียนในข้อความทวิตเตอร์ว่า “การประท้วงเล็กน้อยแบบนี้ในที่อื่นจะไม่ได้รับความสนใจมากถึงขนาดนี้ แต่ในปักกิ่งนั้น....”

ความไม่พอใจนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์”

นโยบายที่เข้มงวดของ สี จิ้นผิง เพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการล็อคดาวน์ที่มีขึ้นบ่อยครั้ง สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจจีน และยังทำให้ผู้คนไม่พอใจอย่างมาก เมื่อต้นสัปดาห์ พีเพิลส์ เดลีย์ ​(People’s Daily) หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ตีพิมพ์บทความแสดงความคิดเห็น ขอให้ชาวจีนใช้ความอดทนกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์อันเข้มงวดของรัฐบาล โดยกล่าวว่า “ความมั่นใจมีความสำคัญยิ่งกว่าทองในการต่อสู้กับการระบาด [ของโควิด-19]” และยังกล่าวด้วยว่าวิธีการรับมือโควิด-19 ของจีนนั้น “เป็นไปตามหลักการวิทยาศาสตร์” และปรับให้เข้ากับ “สภาพของประเทศ” อีกด้วย

Chinese President Xi Jinping is seen on screen and poster at an exhibition highlighting China's fight against the COVID-19 pandemic at the Museum of the Community Party of China in Beijing, Wednesday, Oct. 12, 2022.

ในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนอย่าง เว่ยโป๋ (Weibo) ข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวได้ถูกบล็อกเอาไว้ แต่บางข้อความหลุดมาให้เห็นเช่นกัน เช่น ผู้ใช้งานคนหนึ่งล้อเลียนว่า สิ่งที่ถูกทำให้ "เป็นศูนย์" หรือถูกทำให้หายไปก่อนใครเพื่อนนั้น คือส่วนที่เปิดให้ผู้คนแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ของ People’s Daily ส่วนผู้ใช้อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ถ้าเราไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ People’s Daily ได้ แล้วใครคือประชาชน (people) และใครคือตัวแทนของคนเหล่านั้น”

ประโยคหนึ่งในข้อความบนป้ายประท้วงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เขียนว่า “เราไม่ต้องการการตรวจโควิดแบบ PCR เราต้องการกินข้าว” ส่วนอีกข้อความหนึ่งเขียนว่า “เราไม่ต้องการการปฏิวัติวัฒนธรรม (Cultural Revolution) เราต้องการการปฏิรูป” เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเชื่อกันว่าเริ่มมาจากผู้ที่ต้องการผลักดันให้มีการปฏิรูปภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยใช้ชื่อว่า “กระบวนการต่อต้านสามประการ” หรือ Three-Anti Movement อันเป็นการต่อต้านการตรวจโควิด-19 การล็อกดาวน์ และการนำประเทศเดินถอยหลัง

นักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศยังได้ส่งคำร้องความยาว 4 หน้ากระดาษไปให้กับตัวแทนผู้เข้าประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ภายใต้ชื่อว่า “คำร้องให้ สี จิ้นผิง ลงจากตำแหน่ง" โดยพูดถึงการใช้อำนาจในทางที่ผิดของผู้นำจีนอย่างละเอียด เช่น การปกปิดการระบาดของโควิด-19 ในช่วงแรก การขู่ว่าจะใช้กำลังทหารจัดการไต้หวัน การละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในฮ่องกง เป็นต้น

หรือ 'สี จิ้นผิง' จะต้องการเป็นผู้นำตลอดชีวิต?

Chinese President Xi Jinping waves as he arrives for a reception at the Great Hall of the People on the eve of the Chinese National Day in Beijing, China September 30, 2022. REUTERS/Florence Lo

ถึงแม้ว่าในโลกออนไลน์ในจีนและในต่างประเทศ จะเห็นความโกรธเกรี้ยวและคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีต่อ สี จิ้นผิง แต่คาดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่น่าจะหยุดยั้งไม่ให้ผู้นำจีนรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคเป็นสมัยที่สาม และอาจจะเป็นผู้นำสูงสุดของจีนในอีกหลายปีข้างหน้าได้

หลี หนันหยาง ลูกสาวของ ลี รุ่ย (Li Rui) อดีตเลขาของเหมา เจ๋อตง และยังเป็นนักวิชาการแลกเปลี่ยนที่สถาบัน Hoover Institution มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Standford University) กล่าวกับวีโอเอภาคภาษาจีนว่า เธอเชื่อว่า สี จิ้นผิง ต้องการเป็นผู้นำสูงสุดของจีนไปตลอดชีวิต เช่นเดียวกับ เหมา เจ๋อตง

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา สี ได้กำจัดกลุ่มก้อนภายในพรรคและภายในกองทัพที่ต่อต้านตน และยังได้แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และธรรมนูญของพรรค เพื่อที่ตนจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของพรรคได้อีกเรื่อย ๆ โดยไม่มีข้อจำกัด

ก่อนหน้าที่ สี จิ้นผิง จะขึ้นสู่อำนาจนั้น อดีตผู้นำจีน เจียง เจ๋อหมิน และ หู จิ่นเทา ได้สร้างบรรทัดฐานเอาไว้โดยการก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ หลังครบสองวาระ

หลี หนันหยาง กล่าวว่า สี จิ้นผิง จะกลายเป็นชายแก่ผู้โดดเดี่ยว ที่รายล้อมไปด้วยคนหนุ่มสาว แต่เขามองไม่ออกว่านั่นเป็นสถานภาพที่อันตราย เพราะคนหนุ่มสาวเหล่านั้นจะไม่เคารพ สี จิ้นผิง และจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกต่อไป

ที่มา: วีโอเอ