นาซ่าทดสอบส่งยานสำรวจพุ่งชนดาวเคราะห์น้อย เปลี่ยนวงโคจรคุกคามโลก

This illustration made available by Johns Hopkins APL and NASA depicts NASA's DART probe, foreground right, and Italian Space Agency's LICIACube, bottom right, at the Didymos system before impact with the asteroid Dimorphos, left.

องค์การอวกาศสหรัฐฯ หรือ นาซ่า เตรียมทำการทดสอบส่งยานสำรวจพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ห่างออกไปหลายล้านกิโลเมตร เพื่อเบี่ยงเบนทิศทางการโคจรของดาวเคราะห์น้อยนั้น ถือเป็นการทดลองครั้งแรกเพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินในอนาคต เช่น ดาวเคราะห์น้อยจะพุ่งชนโลก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยานสำรวจที่มีชื่อว่า Dart (Double Asteroid Redirection Test) ซึ่งเดินทางออกจากโลกเมื่อปีที่แล้ว จะพุ่งเข้าหาดาวเคราะห์น้อยที่มีชื่อว่า Dimorphos ในวันจันทร์นี้ ด้วยความเร็ว 22,500 กม./ชม. ซึ่งแรงปะทะนั้นน่าจะทำให้ Dimorphos เปลี่ยนวงโคจรได้เล็กน้อย

กล้องโทรทัศน์จากทั่วโลกและในวงโคจรโลกจะจับตามองการปะทะกันครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาหลายวันหรืออาจหลายสัปดาห์กว่าที่จะรู้ว่าดาวเคราะห์น้อยที่ถูกชนเปลี่ยนวงโคจรได้จริงหรือไม่

This image shows light from the asteroid Didymos and its orbiting moonlet Dimorphos. It is a combination of 243 images taken by the Didymos Reconnaissance and Asteroid Camera for Optical navigation (DRACO) on July 27, 2022. (Image Credits: NASA JPL DART N

ทั้งนี้ Dimorphos ซึ่งเป็นเป้าหมายของการพุ่งชนนี้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 160 เมตร อยู่ห่างจากโลกราว 9.6 ล้านกิโลเมตร และโคจรรอบดาวเคราะห์น้อยอีกดวงหนึ่งคือ Didymos ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า คือราว 780 เมตร

แนนซี ชาโบต์ นักดาราศาสตร์และหัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ที่ห้องทดลองของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์ ในรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลโครงการนี้ กล่าวว่า การทดลองครั้งนี้คือการเบี่ยงเบนทิศทางของดาวเคราะห์น้อย ไม่ใช่การขัดขวาง และไม่ใช่การระเบิดทำลายให้แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพราะเมื่อเทียบขนาดของยานสำรวจ Dart กับดาวเคราะห์น้อยแล้ว แทบไม่ต่างกับการขับรถกอล์ฟพุ่งชนพิรามิดขนาดใหญ่เลย

DART team members from the Johns Hopkins Applied Physics Laboratory in Maryland and the Italian Space Agency carefully position the LICIACube into place on the DART spacecraft. (Image Credits: NASA/Johns Hopkins APL/Ed Whitman)

หลังจากพุ่งชน คาดว่า Dart จะถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่นักวิทยาศาสตร์หวังว่ากล้องที่ติดอยู่กับยานสำรวจลำนี้จะสามารถถ่ายภาพทั้งก่อนและระหว่างการพุ่งชนแล้วส่งกลับมายังโลกได้ นอกจากนี้ กล้องโทรทรรศน์ที่ติดตั้งอยู่ในเจ็ดทวีปทั่วโลก พร้อมกับกล้องฮับเบิลและกล้องเว็บบ์ ที่อยู่ในวงโคจรโลก จะติดตามภารกิจของ Dart อย่างใกล้ชิด

จากนั้น ทีมนักวิทยาศาสตร์จะตรวจสอบและวิเคราะห์การโคจรของดาวเคราะห์น้อย Dimorphos และ Didymos ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าขณะเดินทางรอบดวงอาทิตย์ เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนวงโคจรหรือไม่

DART team engineers lift and inspect the LICIACube CubeSat after it arrived at the Johns Hopkins Applied Physics Laboratory (APL) in Laurel, Maryland in August. The miniaturized satellite will deploy 10 days before DART's asteroid strike. (Image Credits:

นักดาราศาสตร์ แนนซี ชาโบต์ กล่าวว่า หากภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ Dimorphos จะมีวงโคจรแคบลงเล็กน้อย แต่ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น หากจะใช้วิธีนี้ในการปกป้องโลกจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย เราจำเป็นต้องทำในช่วง 5 ปี - 20 ปีก่อนที่ดาวเคราะห์น้อยนั้นจะเดินทางมาถึงโลกของเรา

แนวคิดเรื่องการใช้จรวดพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยที่อาจคุกคามโลกนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่องค์การอวกาศของหลายประเทศได้ทำการศึกษามานานหลายสิบปีแล้ว และมีการส่งยานสำรวจหลายลำไปเก็บตัวอย่างพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยต่าง ๆ เพื่อนำวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง

DART team members install and inspect the spacecraft’s DART's only instrument - the Didymos Reconnaissance and Asteroid Camera for Optical navigation (DRACO) - onto the spacecraft in June 2021. (Image Credit: NASA/Johns Hopkins APL/Ed Whitman)

นอกจากนั้น ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็มีการนำเสนอไอเดียนี้บ่อยครั้ง รวมทั้งภาพยนตร์ชื่อดังเมื่อปี 1998 เรื่อง “Armageddon” ที่นำแสดงโดย บรูซ วิลลิส และสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อปีที่แล้วกับเรื่อง “Don’t Look Up” ที่มี ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เป็นดาราชูโรง

แต่สำหรับ Dart ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำแนวคิดจากนิยายวิทยาศาสตร์มาใช้ในโลกแห่งความจริง ส่วนผลสำเร็จจะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป

  • ที่มา: รอยเตอร์