ผู้ผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยไร้คนควบคุมหรือขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ระดมเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อทำตามคำมั่นสัญญาที่ว่าจะพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำอุตสาหกรรมและผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจต้องอาศัยการควบคุมของมนุษย์ตลอดไป
ทั้งนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนรถยนต์ไร้คนขับหรือ AV กล่าวว่าคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะช่วยลดจำนวนอุบัติเหตุจราจร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำให้รถยนต์ไร้คนขับปลอดภัยกว่ารถยนต์ที่มนุษย์ขับเองนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน โปรแกรมของรถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้นไม่สามารถคาดการณ์และรับรู้ถึงความเสี่ยงได้ทันท่วงทีเหมือนกับมนุษย์
เมื่อ Kyle Vogt ผู้บริหาร Cruise บริษัทในเครือ General Motors (GM) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกัน ถูกถามว่าเขาเชื่อว่าจะสามารถผลิตยานพาหนะที่ไร้มนุษย์ควบคุมได้หรือไม่ ซึ่งตัวเขาเองก็ได้ตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของเป้าหมายดังกล่าว และว่า ในเมื่อเราสามารถทำให้ลูกค้าสบายใจที่รู้ว่ามีมนุษย์คอยช่วยอยู่เหลือเสมอหากจำเป็น เขาก็ไม่รู้ว่ากำจัดสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร
อย่างก็ตาม GM ได้เรียกคืนและอัปเดตซอฟต์แวร์ในรถยนต์ไร้คนขับ 80 คันในเดือนนี้ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุในเดือนมิถุนายน ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายจากอุบัติเหตุในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของสหรัฐฯ กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ที่ถูกเรียกคืนอาจ คาดการณ์เส้นทางของยานพาหนะที่กำลังมาถึงได้ไม่ถูกต้อง Cruise กล่าวว่า ยานพาหนะเหล่านั้นจะไม่เกิดความผิดพลาดแบบเดิมอีกหลังจากการได้รับการแก้ไขแล้ว
สำหรับบางคน การที่มีมนุษย์ควบคุมยานพาหนะทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น และยานพาหนะไร้คนขับทั้งหมดนั้นยังมีความล้าหลังในการพัฒนาตามที่ผู้นำในอุตสาหกรรมได้ให้คำมั่นไว้
Vogt กล่าวว่า ในปี 2018 GM ได้ขออนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งจะไม่มีพวงมาลัยหรือเบรกหรือคันเร่ง โดยจะออกสู่ตลาดในปี 2019 แต่ตอนนี้คาดว่ารถยนต์รุ่นดังกล่าวซึ่งก็คือ Cruise Origin จะยังไม่เริ่มผลิตจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2023
ในปี 2019 Elon Musk ผู้บริหาร Tesla สัญญาว่าจะมีรถยนต์อัตโนมัติใช้ 1 ล้านคันภายในปี 2020 แต่รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบของบริษัทของเขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากใช้มนุษย์เป็นผู้ควบคุม
ในเดือนมิถุนายน Musk กล่าวว่าการผลิตรถยนต์ไร้คนขับนั้นยากกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก
Mike Wagner แห่ง Edge Case Research ซึ่งช่วยบริษัทที่ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติในการวิเคราะห์ความเสี่ยงกล่าวว่า หากบริษัทเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จในอีกสองปีข้างหน้า ก็จะไม่มีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติอีกต่อไป
ปัจจุบัน บริษัทที่ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติหลาย ๆ บริษัทใช้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมในระยะไกล เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือบบรรดารถยนต์ไร้คนขับ ในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบนท้องถนน ซึ่งอาจรวมถึงการปิดถนนเพื่อซ่อมแซม หรือการกระทำต่าง ๆ ที่คาดเดาไม่ได้โดยคนขับหรือคนเดินถนน
Your browser doesn’t support HTML5
Vogt กล่าวต่อไปว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของทางบริษัทที่อยู่บนท้องถนนในซานฟรานซิสโกในปัจจุบันพึ่งพามนุษย์น้อยกว่า 1% แต่หากรถยนต์ดังกล่าวมีจำนวนหลายพันหรือหลายล้านคัน ก็อาจทำให้ต้องเสียเวลามากมายบนท้องถนนเพื่อรอคำแนะนำจากมนุษย์
Chris Borroni-Bird ผู้เชี่ยวชาญซึ่งเคยทำงานเกี่ยวกับยานยนต์ไร้คนขับที่ GM และ Waymo กล่าวว่า ระบบอัตโนมัติไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับคน เพราะความตระหนักรู้และอัลกอริทึมในการคาดการณ์ของระบบนั้นไม่ดีเท่ากับวิธีที่สมองของมนุษย์ประมวลผลและตัดสินใจ ตัวอย่างเช่น การที่มนุษย์ที่เห็นลูกบอลกลิ้งไปตามถนนก็มักจะรับรู้ได้ทันทีว่าเด็กอาจกำลังไล่ตามลูกบอลนั้น แต่รถยนต์ระบบอัตโนมัติจะไม่สามารถรับรู้ในเรื่องนี้ ดังนั้นคนขับที่เป็นมนุษย์จะลดความเร็วได้รวดเร็วกว่า
และว่าเขากังวลว่าบริษัทที่ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบอัตโนมัติ จะเร่งนำรถยนต์ออกสู่ตลาดโดยที่ไม่ได้พิสูจน์ว่ามีความปลอดภัยมากกว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยมนุษย์หรือไม่
- ที่มา: รอยเตอร์