‘สหรัฐฯ’ หวั่น ‘จีน’ แซงหน้าด้านเทคโนโลยี

  • VOA

Visitors look at the Chinese military's J-16D electronic warfare airplane during 13th China International Aviation and Aerospace Exhibition, also known as Airshow China 2021, on Wednesday, Sept. 29, 2021, in Zhuhai in southern China's Guangdong province.

ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ แสดงความกังวลถึงบทบาทของจีนที่จ่อเบียดแซงสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยีสำคัญหลายด้าน

ช่วงกลางเดือนกันยายน ในการประชุมของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงผู้บริหารจากภาคเอกชน ณ กรุงวอชิงตัน ในประเด็นความกังวลที่ประเทศสหรัฐฯ เริ่มที่จะตามหลังจีนในด้านพัฒนาเทคโนโลยีหลักหลายอย่าง สะท้อนถึงอนาคตที่ไม่สดใสในวงการไอทีของสหรัฐฯ และอาจเปิดโอกาสให้ประเทศอื่น ๆ ก้าวขึ้นมาท้าทายอเมริกาในด้านพัฒนาการสื่อสารสมัยใหม่ และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยโครงการ Special Competitive Studies Project หรือ SCSP ซึ่งเป็นความพยายามของ เอริก ชมิดต์ อดีต CEO ของบริษัท Google ที่มีเป้าหมาย “เพื่อทำให้อเมริกายังคงเป็นผู้นำด้านการแข่งขันเชิงเทคโนโลยีและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ไปจนถึงปี 2030 อันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญต่อการกำหนดอนาคตประเทศในอุตสาหกรรมนี้”

ผู้เข้าร่วมการประชุมนี้ต่างแสดงความวิตก เพราะเห็นว่าศักยภาพในการแข่งขันของสหรัฐฯ กำลังถูกคุกคาม

FILE - A model of the Wing Loong II weaponized drone is displayed at a stand for the China National Aero-Technology Import & Export Corp., at a military drone expo in Abu Dhabi, United Arab Emirates, Feb. 25, 2018.

อนาคตไม่สดใส

ไม่กี่วันก่อนหน้าการประชุม ทางโครงการ SCSP ได้ออกรายงานประเมินสถานการณ์ หากประเทศจีนกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ส่วนหนึ่งของรายงานระบุว่า “ต้องจินตนาการถึงโลกที่ถูกควบคุมโดยรัฐที่เป็นเผด็จการ ทั้งในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล การควบคุมการผลิตเทคโนโลยีที่สำคัญ รวมถึงการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงสังคม เศรษฐกิจและการทหาร อย่างเช่น เทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีพลังงานใหม่”

ในรายงาน ยังคาดการณ์ถึงอนาคตของประเทศจีน ที่จะสามารถทำเงินได้มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ และช่วยยกระดับการปกครองระบอบเผด็จการให้เหนือกว่าประชาธิปไตย

นอกจากนี้ยังประเมินความน่ากลัวของสถานการณ์ ที่ประเทศจีนส่งเสริมแนวคิดการใช้งานอินเทอร์เน็ต “แบบควบคุมเบ็ดเสร็จจากศูนย์กลาง” (sovereign internet) ซึ่งแต่ละประเทศจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลในอินเตอร์เน็ตของประชาชน ซึ่งจีนอาจจะเป็นผู้ที่พัฒนาและควบคุมเทคโนโลยีหลัก สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

อีกทั้ง ในรายงานยังชี้ว่า ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว กองทัพสหรัฐฯ อาจจะสูญเสียความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ให้แก่จีนและประเทศคู่แข่งอื่น ๆ และจีนอาจที่จะตัดขาดการจัดส่ง “ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนสำคัญสำหรับการผลิตด้านเทคโนโลยี”

China US Chip Battle

ไม่มีอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ในการประชุมสุดยอดดังกล่าว เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ในการก้าวตามให้ทันการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ของประเทศจีน

White House Press Secretary Jean-Pierre holds the daily press briefing at the White House in Washington

ซัลลิแวนกล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในการรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันระดับโลก และดำรงความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ การที่อเมริกาจะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี จำเป็นที่จะต้อง เริ่มใหม่ ฟื้นฟู และจัดการดูแล” ซัลลิแวนเสริมว่า “เรากำลังเผชิญกับคู่แข่งที่มุ่งมั่นที่จะแซงหน้าสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี โดยพร้อมที่จะทุ่มทรัพยากรในระดับที่แทบจะไร้ขีดจำกัดเพื่อการนี้”

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงฯ ยังได้กล่าวถึงฝ่ายบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ตระหนักถึงภัยคุกคามและกำลังดำเนินการเพื่อรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยซัลลิแวนได้พูดถึงกฏหมาย “CHIPS” ที่ให้การสนับสนุนมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการจัดตั้งโรงงานผลิตไมโครชิปขั้นสูงในสหรัฐฯ

ซัลลิแวนเผยว่า “เรากำลังลงทุนในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์ เพื่อให้สหรัฐฯ กลับมาสู่เส้นทางของการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมนี้ในอนาคต เราเพิ่มความพยายามเป็นทวีคูณในการดึงดูดคนที่มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก อีกทั้งยังได้ปรับเครื่องมือเทคโนโลยีด้านการป้องกันให้ตรงกับการเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ที่สำคัญที่สุดได้ดำเนินการทั้งหมดนี้ในลักษณะที่ครอบคลุม ด้วยสรรพกำลังที่มหาศาล และสอดคล้องกับตัวตนของเรา”

Lieutenant General H.R. McMaster, US Army (Ret.) Named the Fouad and Michelle Ajami Senior Fellow at the Hoover Institution at Stanford University

พลโท เอช. อาร์. แมคมาสเตอร์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า “การดำเนินการที่มีอยู่ ยังรวดเร็วไม่มากพอ เราตามหลังอยู่มาก เนื่องจากการประเมินที่ผิดพลาด ในช่วงหลังยุคสงครามเย็น” อีกทั้งเขายังเรียกร้องให้เพิ่มความพยายามในการสกัดกั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีน ผ่านการควบคุมในด้านการส่งออก

ทางด้าน เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน วิจารณ์ความพยายามของสหรัฐฯ ในการขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนหลายต่อหลายครั้ง โดยชี้ว่า “สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่คือการใช้ข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยี เพื่อกีดกันและกดทับการพัฒนาของตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศกำลังพัฒนา สหรัฐฯ คาดหวังที่จะให้จีนและประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ อยู่ในระดับล่างของห่วงโซ่อุตสาหกรรมตลอดไป สิ่งนี้ไม่ได้เป็นไปเพื่อความก้าวหน้า”

หนึ่งในตัวอย่างที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในงานนี้ คือการพัฒนาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สาย 5G ที่ประเทศในโลกตะวันตกรวมถึงสหรัฐฯ ตามหลังประเทศจีน โดยทางการจีนได้ให้การสนับสนุนมากเป็นพิเศษต่อบริษัท Huawei จนทำให้กลายเป็นบริษัทระดับโลกที่โดดเด่นในด้านการจัดหาอุปกรณ์เครือข่าย 5G

ด้วยความกังวลว่า อุปกรณ์ที่ผลิตในจีนจะทำหน้าที่เป็นแกนหลักของเทคโนโลยีการสื่อสาร ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัย และอาจก่อให้เกิดการจารกรรมได้ สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร ได้ต่อต้านการติดตั้งอุปกรณ์ของ บริษัท Huawei ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการเปิดตัวบริการไร้สาย 5G

ชมิดต์ อดีต CEO ของบริษัท Google แสดงความเห็นว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นกับกรณีของ 5G ไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีก เราไม่ต้องการทำงานภายใต้เทคโนโลยีแพลตฟอร์มที่ต้องใช้งานเป็นประจำทุกวัน และถูกควบคุมโดยระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อีกทั้งยังเป็นระบบปิด”

ชมิดต์ ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะก้าวนำประเทศจีนในด้านเทคโนโลยี โดยเขาคาดว่าจีนจะเพิ่มการแข่งขันมากขึ้น ในด้านปัญญาประดิษฐ์ คอมพิวเตอร์ควอนตัม เทคโนโลยีชีวภาพ และด้านอื่น ๆ

China Self-Driving Cars

จอน ฮันต์สแมน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รองประธานบริษัท Ford Motor กล่าวว่า คนอเมริกันมักที่จะไม่ทราบว่าประเทศจีนนำหน้าสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยีไปไกล เพียงใด ตัวอย่างเช่น จีนนำหน้าสหรัฐฯ ในด้านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วอย่างน้อย 5 ปี

ฮันต์สแมน เชื่อว่าสหรัฐฯ ต้องสร้างสมดุลในการไล่ตามจีนและนำหน้าตามแต่สถานการณ์ เขาเน้นว่าต้องรักษาสัมพันธภาพกับประเทศจีน โดยย้ำว่าการสร้างความแตกแยก จะทำให้เกิดความบาดหมาง ความเข้าใจผิด และความไร้เสถียรภาพด้านความมั่นคงไปทั่วโลก

  • ที่มา: รอยเตอร์