เมืองสตีมโบท สปริงส์ (Steamboat Springs) ในรัฐโคโลราโด มีประชากรราว 13,390 คน เป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับการพักผ่อนและเล่นสกี ห้องพักริมทางหรือโมเทลในเมืองนี้เคยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่ตอนนี้เมืองสตีมโบท สปริงส์ กลายเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ที่เผชิญกับวิกฤตด้านที่อยู่อาศัย และกำลังต่อสู้เพื่อหามาตรการควบคุม “การเช่าระยะสั้น” ที่ถูกมองว่าเป็นสิ่งเลวร้ายกับชุมชน
การเช่าระยะสั้น คือการที่ผู้เช่าจองที่พักผ่านบริการอย่าง Airbnb และ Vrbo ซึ่งส่งผลให้ในเมืองขนาดเล็กที่มีที่พักอย่างจำกัด มีราคาค่าเช่าพุ่งสูงขึ้น และกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
มาร์ค แมคโดนัลด์ อายุ 42 ปี ที่อาศัยอยู่ในเมืองสตีมโบท สปริงส์ เขาทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงที่สนามกอล์ฟ และเป็นบาร์เทนเดอร์ในตอนกลางคืน ปัจจุบันนี้แมคโดนัลด์อาศัยอยู่ในห้องโมเทลที่ถูกดัดแปลง มีพื้นที่ราว 500 ตารางฟุต เขาอาศัยอยู่กับภรรยาที่กำลังรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ รวมถึงไวรัสตับอักเสบอี โดยค่าเช่าอยู่ที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกที่สุดเท่าที่เขาจะหาได้ แมคโดนัลด์เล่าว่าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ค่าเช่าห้องรวมกับค่าสาธารณูปโภคพุ่งสูงขึ้นไปแตะที่ 2,800 ดอลลาร์ สร้างความกังวลถึงชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวเขาอย่างมาก
การเช่าระยะสั้น เป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับเจ้าของบ้านที่มีบ้านพักหลังที่สอง และต้องการสร้างรายได้รวมถึงทำกำไรในขณะที่ปล่อยว่าง แม้แต่บริษัทการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ยังทุ่มลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมนี้ เพื่อหวังทำกำไรจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เลือกพักในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และเป็นอีกทางเลือกนอกเหนือจากโรงแรมต่าง ๆ
ตามรายงานของบริษัท Airbnb ชี้ว่าในช่วงที่เกิดการระบาดใหญ่ ระหว่างไตรมาสที่สองของปี 2019 และปี 2022ราคาห้องพักที่อยู่ในรายชื่อของบริษัท และมีที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟใต้ดินสายหลัก ปรับเพิ่มขึ้นราว 50% สอดคล้องกับการทำงานทางไกลที่เพิ่มมากขึ้น
ตามการสำรวจของ Colorado Association of Ski Towns ระบุว่า ยอดการขายบ้านในปี 2020 ในพื้นที่ 6 เขตของ ร็อกกี้ เมาเทนส์ ซึ่งรวมถึงเขตราวท์ (Routt) อันเป็นที่ตั้งของเมืองสตีมโบท สปริงส์ ราว 2 ใน 3 ของผู้ซื้อบ้านทำงานอยู่นอกเขตนี้ และมีรายได้มากกว่า 150,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นคลื่นความมั่งคั่งที่เคลื่อนเข้ามาในเมือง
รัฐบาลท้องถิ่นตั้งแต่เขตลินคอล์น ในรัฐโอเรกอน ไปจนถึงเขตเคตชูม ในรัฐไอดาโฮ กำลังต่อสู้ในการหาวิธีควบคุมอุตสาหกรรม “การเช่าระยะสั้น” ที่มีมูลค่าสูงถึง 7 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้วิกฤตที่อยู่อาศัยทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ในเดือนมิถุนายน สภาท้องถิ่นเมืองสตีมโบท สปริงส์ ได้ผ่านคำสั่งห้ามการเช่าระยะสั้นที่เกิดขึ้นใหม่ ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง และมีการลงคะแนนเสียงเพื่อจัดเก็บภาษีจากอุตสาหกรรมดังกล่าวที่อัตรา 9% เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม มีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอด้านภาษีนี้ โรบิน เครเกน รองประธานกลุ่ม Steamboat Springs Community Preservation Alliance ชี้ว่าภาษีดังกล่าวจะทำให้เมืองสตีมโบท สปริงส์ มีข้อได้เปรียบด้านการลงทุนที่ลดลง ในการแข่งขันกับรีสอร์ทอื่นๆ ที่อยู่ในเขตร็อกกี้ เมาเทนส์ เครเกนอธิบายว่า “อุตสาหกรรมการเช่าระยะสั้น ดึงผู้คนเข้ามาในเมือง สร้างรายได้ให้กับเมือง และเรายังจะไปเก็บภาษีเพิ่ม เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล”
ตามการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มข้างต้น ชี้ว่าในปี 2021 เมืองสตีมโบท สปริงส์ มีผู้จองที่พักผ่านบริการอย่างเช่น Airbnb มูลค่าราว 250 ล้านดอลลาร์ และถ้าการท่องเที่ยวลดลงเพียง 10% จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่นประมาณ 25 ล้านดอลลาร์
ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่น เดนเวอร์และบอสตัน มีกฎระเบียบที่เข้มงวดมากกว่า เช่น ห้ามให้เช่าที่พักตากอากาศในบ้านที่ไม่ใช่ที่พักอาศัยหลักของเจ้าของ อย่างไรก็ตาม ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลาง ตัดสินยับยั้งคำสั่งในการบังคับใช้ใบอนุญาตสำหรับการเช่าระยะสั้น
มากาเรต โบเวส กรรมการบริหารของสมาคม Colorado Association of Ski Towns กล่าวว่า "ยังไม่มีใครพบวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่กลายมาเป็นการเช่าระยะสั้นนั้นถือว่าไม่ยั่งยืน และไม่มีใครที่ทำงานในชุมชนเหล่านี้ สามารถอาศัยอยู่ได้”
ซูซานา ริเวรา อายุ 30 ปี ชาวเมืองสตีมโบท สปริงส์ เคยอาศัยอยู่เมืองอื่น และต้องขับรถเป็นเวลา 45 นาทีเพื่อมาทำงานในเมืองสตีมโบท สปริงส์ จนกระทั่งปี 2014 เธอได้เข้าพักในอพาร์ตเมนต์ 2 ห้องนอนในราคา 800 ดอลลาร์ต่อเดือน ที่เป็นโครงการที่อยู่อาศัยจากภาครัฐสำหรับผู้มีรายได้น้อย โครงการในลักษณะดังกล่าว เป็นหนึ่งในความพยายามที่จะแก้ปัญหาของรัฐบาลท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่อยู่อาศัยลักษณะนี้มีจำนวนมากกว่าที่ภาครัฐจะสามารถรองรับได้
ตัวเลขจากบริษัทวิเคราะห์ AirDNA และสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าเกือบ 30% ของบ้านในเมืองสตีมโบท สปริงส์เป็นที่พักตากอากาศ
ตามข้อมูลจากบริษัท Zillow ในเดือนสิงหาคม ค่าเช่าเฉลี่ยรายเดือนของเมืองสำหรับอพาร์ตเมนต์สองห้องนอนในเมืองสตีมโบท สปริงส์อยู่ที่ 3,100 ดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นปี 2020 ราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 68% มาอยู่ราว 1.6 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาบ้านในนครซานฟรานซิสโก
ผลการศึกษาที่จัดทำโดย Airbnb พบว่า การเช่าระยะสั้นสร้างงานได้ถึง 13,300 ตำแหน่งในเขตพื้นที่ร็อกกี้ เมาเทนส์ ขณะที่การเช่าระยะสั้นส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อราคาบ้านที่นั่น โดยระบุว่าปัญหาที่แท้จริงคือการก่อสร้างที่อยู่อาศัยไม่สอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนงานที่เพิ่มขึ้น ในรายงานยังพบว่า เมื่อดูจากอัตราค่าเช่า มีเพียง 3% ของการเช่าระยะสั้น ที่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยของพนักงานได้
ข้อความจากบริษัท Expedia Group ที่เป็นบริษัทแม่ของ Vrbo ระบุว่า “สถานที่พักผ่อนให้เช่า สร้างทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้มาท่องเที่ยวพักผ่อนเป็นการชั่วคราว ได้ช่วยเหลือเจ้าของบ้าน และยังสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งรวมถึง การสร้างงาน และเพิ่มภาษีให้กับท้องถิ่น
กฎหมายใหม่ของเมืองสตีมโบท สปริงส์แยกออกเป็น 3 ส่วน โดยโซนสีแดง ห้ามให้เช่าระยะสั้นเพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง แต่สำหรับผู้เช่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ยังมาสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ โซนสีเหลืองจำกัดจำนวนสถานที่พักผ่อนให้เช่าที่เกิดขึ้นใหม่ และโซนสีเขียวซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใต้ภูเขาสำหรับเล่นสกีไม่มีข้อกำหนดใด ๆ
เมืองสตีมโบท สปริงส์ ซึ่งได้ศึกษาสิ่งที่เขตเทศบาลอื่น ๆ ได้ทำมาแล้วทั่วประเทศ วางแผนที่จะติดตามประสิทธิภาพของกฎระเบียบใหม่ การเพิ่มภาษีหากผ่านการลงมติ รวมถึงพร้อมที่จะปรับตัว หากมีความจำเป็น
- ที่มา: เอพี