เหตุการณ์ลอบสังหาร ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่่ปุ่น ในประเทศที่ได้ชื่อว่าปลอดภัยที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาผู้นำทั่วโลก ซึ่งล้วนแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียบุคคลสำคัญครั้งนี้ พร้อมไปกับประณามการลอบสังหารด้วยอาวุธปืนดังกล่าว
ชินโซ อาเบะ วัย 67 ปี ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะกำลังกล่าวปราศรัยที่เมืองนาระทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น เขาคือนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุดก่อนที่จะประกาศลงจากตำแหน่งเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ
นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ กล่าวประณามเหตุการณ์นี้ว่า "เป็นการกระทำที่ไม่อาจให้อภัย" พร้อมยืนยันว่าการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาญี่ปุ่นในวันอาทิตย์นี้จะเดินหน้าต่อไป
นายกฯ คิชิดะ กล่าวว่า "ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการปกป้องการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตย เราจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความรุนแรง"

Japan's Prime Minister Fumio Kishida, speaks to media at the Prime Minister's official residence in Tokyo, July 8, 2022.
ทางด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน กล่าวว่า ตนตกตะลึง โกรธแค้น และเศร้าเสียใจอย่างยิ่งหลังจากรับทราบข่าวนี้ และได้แสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของอาเบะ และว่า "นี่ถือเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับญี่ปุ่นและทุกคนที่รู้จักอาเบะ"
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า "วิสัยทัศน์ของอาเบะว่าด้วยนโยบายอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างจะดำเนินต่อไป" และไม่เชื่อว่าการลอบสังหารครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเอกภาพของญี่ปุ่น
โดยในวันศุกร์ ประธานาธิบดีไบเดนเดินทางไปที่สถานทูตญี่ปุ่น ณ กรุงวอชิงตัน เพื่อลงนามในสมุดไว้อาลัยด้วย

President Joe Biden signs a condolence book at the Japanese ambassador's residence in Washington, Friday, July 8, 2022, for former Japanese Prime Minister Shinzo Abe who was assassinated on Friday while campaigning. Japanese Ambassador to the United States Koji Tomita looks on.
ขณะเดียวกัน สมเด็จพระราชินีนาถ เอลิซาเบ็ธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงมีแถลงการณ์ว่า พระองค์ยังทรงจดจำช่วงเวลาที่นายกฯ อาเบะ และภริยา เข้าเฝ้าฯ พระองค์ ระหว่างการเยือนอังกฤษเมื่อปีค.ศ. 2016 และตรัสว่า "ความรักที่อาเบะมีต่อประเทศญี่ปุ่น และความปรารถนาของเขาในการกระชับความสัมพันธ์กับสหราชอาณาจักรนั้น ชัดเจนอย่างยิ่ง"
บรรดาผู้นำอังกฤษ ตุรกี สิงคโปร์ ฝรั่งเศส และสเปน ต่างกล่าวประณามการลอบสังหารนายอาเบะ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านระบุว่าเป็น "การกระทำของผู้ก่อการร้าย" ส่วนสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้บอกว่าเป็น "การก่ออาชญากรรมที่ไม่สามารถรับได้"
ทางด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ทวีตข้อความแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของนายอาเบะและประชนชาวญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น กล่าวว่า อาเบะคือผู้นำคนแรก ๆ ที่เธอได้พบหลังจากเข้ารับตำแหน่ง และเป็นผู้นำที่ทำงานอย่างตั้งใจ ใจกว้างและมีเมตตา ขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโธนี อัลบานีส บอกว่า อาเบะคือบุคคลสำคัญบนเวทีโลก
President Donald Trump, Japanese Prime Minister Shinzo Abe and Indian Prime Minister Narendra Modi share a fist bump during their meeting on the sidelines of the G-20 summit in Osaka, Japan, Friday, June 28, 2019. (AP Photo/Susan Walsh)
นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนธรา โมดี ประกาศให้วันเสาร์นี้เป็นวันไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของนายอาเบะ ในฐานะที่อาเบะคือผู้ที่เสียสละเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับญี่ปุ่นให้เป็นพันธมิตรพิเศษเชิงยุทธศาสตร์ เช่นเดียวกับรัฐบาลไต้หวันที่ยกย่องอาเบะว่าเป็นผู้สานสัมพันธ์ไต้หวันกับญี่ปุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนโควิดให้แก่ไต้หวันด้วย
ด้านอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุในสื่อสังคมออนไลน์ของตนว่า "เป็นข่าวร้ายของโลกอย่างแท้จริง!" พร้อมแสดงความหวังว่า ฆาตกรต้องเผชิญกับการลงโทษที่รุนแรงในทันที
สำหรับปฏิกิริยาในประเทศจีนซึ่งถือเป็นประเทศคู่ปรับสำคัญของญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ค่อนข้างแตกต่างจากประเทศอื่น เมื่อมีชาวจีนจำนวนมากที่ออกมาแสดงความเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะเยาะเย้ย ล้อเลียน หรือแม้แต่ยินดีต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงแม้ความเห็นในโลกออนไลน์ดังกล่าวจะมิได้สะท้อนทัศนคติของชาวจีนส่วนใหญ่ที่มีต่ออดีตผู้นำญี่ปุ่นผู้นี้ แต่ก็อาจแสดงให้เห็นถึงนโยบายโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลจีนที่พยายามต่อต้านนักการเมืองแนวคิดอนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่นซึ่งปฏิเสธว่ากองทัพญี่ปุ่นได้กระทำโหดร้ายป่าเถื่อนต่อชาวจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของนายอาเบะ พร้อมชี้ว่าการลอบสังหารครั้งนี้ไม่ควรถูกโยงกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแต่อย่างใด
- ที่มา: เอพี