ไปดูเรื่องแปลกในฝรั่งเศส เมื่อชายคนหนึ่งปลอมตัวเป็นหญิงชรานั่งรถเข็น และจู่โจมเข้ามาหวังทำลายภาพวาดชื่อดังก้องโลก ในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งกรุงปารีส
พาดหัวข่าวของเอพี ระบุว่า Man in wig throws cake at glass protecting Mona Lisa หมายความว่า ชายสวมวิกปาเค้กใส่กระจกป้องกันภาพวาดโมนาลิซา
ข่าวนี้เล่าถึงเรื่องประหลาดในกรุงปารีส เมื่อคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เผยให้เห็นชายที่ไม่ทราบชื่อสวมวิกผมและทาลิปสติกนั่งรถเข็นเข้ามา ปาเค้กครีมขาวโพลนไปยังกระจกป้องกันภาพวาดชื่อดัง และโปรยดอกไม้บริเวณโซนพิพิธภัณฑ์ภาพวาด
ขณะที่ ในแถลงการณ์จากพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ยืนยันเหตุทำลายภาพวาดโมนาลิซาว่าเกี่ยวข้องกับการใช้ “ขนมอบ” ในการโจมตีด้วย
นอกจากนี้ ในคลิปวิดีโอช่วงระหว่างที่ชายรายนี้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาตัวออกไป ตอนหนึ่งเผยว่า เขายังได้ตะโกนใส่ผู้คนที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ดังแห่งฝรั่งเศสที่กำลังตกตะลึงงึงงันในเวลานั้นว่า “คิดถึงโลกบ้าง! มีคนมากมายที่กำลังทำลายโลกนี้อยู่! ลองคิดดูบ้าง ศิลปินกำลังบอกเราว่า จงคิดถึงโลกนี้ ผมถึงได้ทำสิ่งนี้ลงไป”
ทางการฝรั่งเศส ระบุในวันจันทร์ว่า ชายวัย 36 ปีผู้ก่อเหตุก่อกวนในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์เมื่อวันอาทิตย์ถูกควบคุมตัวแล้ว และส่งต่อให้หน่วยจิตเวชของทางตำรวจเพื่อตรวจสอบความปกติทางจิตต่อไป พร้อมทั้งเปิดการสอบสวนคดีนี้ในการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผลงานชิ้นสำคัญทางวัฒนธรรมนี้
ทั้งนี้ ภาพวาด โมนาลิซา อันโด่งดัง จากฝีมือจิตรกรเอก ลีโอนาร์โด ดาวินชีไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุวุ่นวายนี้แต่อย่างใด แต่ที่ผ่านมา ภาพวาดนี้ตกเป็นเป้าหมายโจมตีอยู่หลายครั้ง โดยภาพวาดนี้เคยถูกขโมยไปเมื่อปี 1911 โดยเจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ภาพวาดนี้ได้รับความสนใจในระดับสากล และเคยได้รับความเสียหายจากการสาดน้ำกรด ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1950 ทำให้ต้องป้องกันภาพวาดด้วยกระจกกั้นไว้อีกขั้นเพื่อความปลอดภัย
และในปี 2009 หญิงชาวรัสเซียบันดาลโทสะหลังไม่ได้รับสัญชาติฝรั่งเศส ได้ปาแก้วเซรามิกใส่ภาพวาดนี้ แต่ภาพวาดไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ
คำในข่าว สัปดาห์นี้ เสนอคำว่า disguise จากเนื้อหาในข่าวนี้ที่ว่า
A man seemingly disguised as an old woman in a wheelchair threw a piece of cake at the glass protecting the Mona Lisa at the Louvre Museum and shouted at people to think of planet Earth.
หมายความว่า ชายที่ดูเหมือนปลอมตัวเป็นหญิงชราในรถเข็น ปาเค้กใส่กระจกป้องกันภาพวาดโมนาลิซาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ และตะโกนบอกผู้คนให้คิดถึงโลกบ้าง
คำว่า disguise เป็นกริยา และนามได้ แปลว่า ปลอมตัว เเละการปลอมตัว ซึ่งจากตัวอย่างในข่าวนี้ทำหน้าที่เป็นกริยาช่องสาม
นอกจากนี้ คำว่า disguise ที่เป็นกริยา ยังแปลได้อีกว่า ปกปิด หรือ อำพรางความรู้สึกด้วย ไปดูการใช้ในบทสนทนาระหว่างคู่สามีภรรยากัน ตัวอย่างเช่น
Wife: Honey, you know why your mom and I get along so well? We don't disguise our feelings and we respect each other's honesty.
Husband: Of course, you do.
หมายความว่า
ภรรยา: ที่รัก คุณรู้ไหมว่าทำไมแม่ของคุณกับฉันถึงได้เข้ากันได้ดีอย่างนี้น่ะ? เพราะเราไม่ปิดปังความรู้สึกกันและเคารพความจริงใจของกันและกันไงล่ะ
สามี: แน่นอนเลย คุณเป็นอย่างนั้นเลยล่ะ
ทีนี้มาดูการใช้คำว่า disguise ที่เป็นคำนามในบทสนทนาระหว่างเด็บบี้กับดั๊กกัน ตัวอย่างเช่น
Debby: Do we need a disguise to get into this club?
Doug: Anything that draws zero attention would work.
หมายความว่า
เด็บบี้: เราจำเป็นต้องปลอมตัวเพื่อเข้าคลับนี้ไหมอะ?
ดั๊ก: อะไรก็ได้ที่ไม่เรียกความสนใจคนก็ได้หมดแหละ
มาต่อกันที่สำนวน in disguise แปลว่า ที่แฝงอยู่ หรือ ที่หลบอยู่ในคราบของ ตัวอย่างเช่น
Nobody realized his genius was madness in disguise until the professor did horrible things to ruin the university's reputation.
หมายความว่า ไม่มีใครรู้ถึงความบ้าคลั่งในคราบของความเป็นอัจฉริยะของศาสตราจารย์คนนี้ จนกระทั่งเขาทำเรื่องที่เลวร้ายที่ทำลายชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
ส่วนอีกสำนวน คือ a blessing in disguise หมายความว่า สิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในตอนเเรก หรือ โชคดีในความโชคร้ายนั่นเอง ตัวอย่างเช่น
Linda's failure to get an accounting job at this company turned out to be a blessing in disguise as it was under an FBI investigation for a fraud.
หมายความว่า การที่ลินดาพลาดตำแหน่งงานบัญชีกับบริษัทนี้กลายเป็นเรื่องดีขึ้นมา เพราะบริษัทนี้อยู่ภายใต้การสอบสวนของเอฟบีไอฐานฉ้อโกง
ส่งท้ายคำในข่าววันนี้ ด้วยคำคมจาก เจเน็ตต์ วินเทอร์สัน (Jeanette Winterson) นักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า Naked is the best disguise. หมายความว่า การปลดเปลื้องเปลือยเปล่าคือการปกปิดที่ดีที่สุด