สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองทัพรัสเซียได้เริ่มการโจมตีอย่างหนักหน่วงในแคว้นดอนบาส เพื่อตีวงล้อมทหารยูเครนเอาไว้ในเขตเมืองริมแม่น้ำในภาคตะวันออกของยูเครน โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า สมรภูมินี้อาจเป็นตัวตัดสินชัยชนะของปฏิบัติการของรัสเซียในยูเครนได้
การต่อสู้ครั้งสำคัญระลอกล่าสุดระหว่างกองทัพรัสเซียและกองทัพยูเครนมีขึ้นที่แคว้นดอนบาสที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ซึ่งรัสเซียพยายามยึดเขตปกครองหลักสองแห่ง คือ ดอแนตสก์และลูฮันสก์ ไว้ให้ได้
ขณะนี้ กองทัพรัสเซียกำลังตีวงล้อมทหารยูเครนไว้ที่เมืองเซเวโรดอแนตสก์ ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำซิเวอร์สกี ดอเนตส์ และเมืองลีซีแชนสก์ ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ที่ซึ่งกลายเป็นสมรภูมิหลัก โดยกองทัพรัสเซียใช้วิธีโจมตีจากสามทิศทาง
เซอร์ฮี กายดาย ผู้ว่าการเขตลูฮันสก์ กล่าวว่า "ศัตรูได้ทุ่มสรรพกำลังในการโจมตีเพื่อล้อมทหารของเราเอาไว้ในเมืองเซเวโรดอแนตสก์ และเมืองลีซีแชนสก์" ซึ่งถือเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของทหารยูเครนในแคว้นดอนบาส และว่า "ความรุนแรงของการโจมตีที่เมืองเซเวโรดอแนตสก์เพิ่มขึ้นหลายเท่า พวกรัสเซียได้ทำลายทั้งเมือง" พร้อมระบุว่ามีประชาชนติดค้างอยู่ในเมืองนี้ราว 15,000 คน
จากตอนแรกที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า รัสเซียจะสามารถยึดยูเครนได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่จนถึงขณะนี้ สงครามในยูเครนได้ผ่านไปสามเดือนแล้ว กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถยึดครองพื้นที่ในยูเครนได้มากนัก
ในขณะที่เมืองส่วนใหญ่ในยูเครนต่างถูกทำลายย่อยยับ แต่มีประชาชนอพยพออกไปนอกประเทศแล้วกว่า 6.5 ล้านคน และคาดว่า มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคนในยูเครน
SEE ALSO: 'เซเลนสกี' เรียกร้องประชาคมโลกเพิ่มการคว่ำบาตรภาคพลังงาน-การเงินรัสเซียบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียต่างระบุถึงแผนการทำสงครามในระยะยาวในยูเครน โดยรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย เซอร์เก ชอยกู กล่าวว่า รัสเซียพยายามรุกคืบไปอย่างช้า ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของพลเมือง
ขณะที่ นิโคไล ปาตรูเชฟ หัวหน้าสภาความมั่นคงของประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า รัสเซียไม่มี "กำหนดเส้นตาย" ในการทำสงครามครั้งนี้ และพร้อมที่จะอยู่ในสมรภูมินานตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อกำจัด "แนวคิดนาซี" ในยูเครน
ทั้งนี้ กองทัพรัสเซียเพิ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่เมืองมาริอูโพลทางภาคใต้ของยูเครน เมื่อกองกำลังยูเครนที่นั่นได้ประกาศยอมวางอาวุธและมอบตัวกับทหารรัสเซีย หลังจากที่ยืนหยัดต่อสู้มานานเกือบสามเดือน
- ที่มา: รอยเตอร์