ทางการยูเครนกล่าวว่า สามารถต้านกองทัพรัสเซียให้ถอยกลับ ในตอนเหนือของนครคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ขณะเดียวกันก็สามารถสกัดการส่งก๊าซของรัสเซียในดินแดนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐบาลมอสโกได้ด้วยเช่นกัน
เขตที่ทหารยูเครนสามารถยึดคืนจากรัสเซียได้คือ “หมู่บ้านพิทอมนิก” ซึ่งอยู่ครึ่งทางระหว่างคาร์คิฟและชายแดนรัสเซีย
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทหารยูเครนเดินหน้าเข้าสู่ทางเหนือและทางตะวันออกของคาร์คิฟ และแหล่งข่าวกลาโหมของยูเครนที่ไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวว่า ทหารยูเครนรุกคืบเข้าใกล้ชายแดนรัสเซียเพียงไม่กี่กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้ ทหารรัสเซียตรึงกำลังด้านชานเมืองของคาร์คิฟซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียราว 40 กิโลเมตร
หากว่าการรุกของยูเครนยืนหยัดต่อแรงต้านทานได้ อาจจะสามารถสร้างความปั่นป่วนให้แก่การส่งกำลังพลทางทหารของรัสเซีย
รัฐบาลรัสเซียกล่าวเสมอมาว่า การรุกรานยูเครนเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" เพื่อปลดอาวุธประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและมิได้พุ่งเป้าโจมตีประชาชน
ขณะที่ ยูเครนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และยืนยันว่า รัสเซียก่อสงครามเพื่อยึดยูเครนและทำให้คนนับพันนับหมื่นเสียชีวิต
การเคลื่อนทัพของยูเครนในวันพุธยังมีจุดประสงค์เพื่อตัดการส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยุโรปผ่านดินแดนที่กองกำลังที่รัสเซียหนุนหลังคุมอำนาจอยู่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดสงครามที่ความขัดแย้งกระทบการส่งก๊าซไปยุโรปโดยตรง
หากเหตุการณ์ระส่ำระสายเรื่องการส่งก๊าซยืดเยื้อ อาจจะเกิดผลกระทบที่สำคัญต่อตลาดพลังงานยุโรป ตามรายงานของรอยเตอร์
อย่างไรก็ตาม ยูเครนกล่าวหากองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังว่า ลักลอบดึงก๊าซธรรมชาติออกจากระบบท่อส่งพลังงาน
- ที่มา: รอยเตอร์