Your browser doesn’t support HTML5
ผลการสำรวจความคิดเห็นซึ่งทำให้กับ European Council on Foreign Relations เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงว่าชาวยุโรปส่วนใหญ่เห็นพ้องกันในสามเรื่องเกี่ยวกับภัยคุกคามจากรัสเซีย แต่ยังคงเห็นต่างในด้านการเสียสละและราคาที่จะต้องจ่ายเพื่อช่วยปกป้องยูเครน
การสำรวจความเห็นเรื่องภัยคุกคามจากรัสเซียที่ทำโดยสถาบันคลังสมองของยุโรป European Council on Foreign Relations หรือ ECFR ดังกล่าวมีขึ้นในเจ็ดประเทศ ได้แก่ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โรมาเนีย และสวีเดน ซึ่งโดยรวมแล้วมีประชากรเกือบสองในสามของสหภาพยุโรป และชาวยุโรปที่ร่วมการสำรวจมีความเห็นตรงกันในสามเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกว่าครึ่งมีความเห็นว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามไม่เฉพาะต่อยูเครนเท่านั้นแต่เป็นภัยด้านความมั่นคงสำหรับทวีปยุโรปโดยรวมด้วย
ความเห็นพ้องประการที่สองก็คือรัสเซียกำลังวางแผนจะบุกยูเครนอย่างจริงจังถึงแม้ทำเนียบเครมลินจะปฏิเสธเรื่องนี้ตลอดมาก็ตาม และประเด็นที่สามก็คือชาวยุโรปในการสำรวจความคิดเห็นนี้ ต้องการให้องค์การนาโต้กับสหภาพยุโรปมีมาตรการตอบโต้สำหรับปัญหาวิกฤติครั้งนี้ด้วย
แต่ถึงแม้ชาวยุโรปจะมีความเห็นในทำนองเดียวกันเรื่องภัยคุกคามจากรัสเซีย ประเด็นของราคาค่างวดซึ่งแต่ละประเทศจะต้องจ่ายเพื่อช่วยปกป้องยูเครนหรือการเสียสละที่คนเหล่านี้พร้อมจะยอมรับนั้นมีอยู่ในระดับที่แตกต่างกันไป แต่ที่พอสังเกตได้ก็คือผู้คนในประเทศยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์ โรมาเนีย กับสวีเดนดูจะพร้อมมากกว่าพลเมืองของประเทศยุโรปตะวันตกที่จะยอมเสียสละหรือยอมรับผลกระทบจากเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วผลการสำรวจได้พบว่าชาวยุโรปส่วนใหญ่กำลังเตรียมรับกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น คลื่นผู้ลี้ภัยจากสงคราม ราคาพลังงานที่จะสูงขึ้น การตอบโต้ทางเศรษฐกิจจากรัสเซีย รวมทั้งปัญหาที่จะมาจากการโจมตีทางไซเบอร์ของรัสเซีย เป็นต้น
นักวิเคราะห์ของสถาบัน ECFR ตั้งข้อสังเกตว่าชาวยุโรปที่ให้ความเห็นในการสำรวจนี้ดูจะเห็นพ้องต้องกันในเรื่องที่ว่าการส่งกำลังของรัสเซียเข้าบุกยูเครนอีกครั้งจะไม่เป็นแค่การโจมตีประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียเท่านั้น แต่เท่ากับเป็นการโจมตีโครงสร้างด้านความมั่นคงของยุโรปด้วยเช่นกัน
ทัศนะของชาวยุโรปในเรื่องนี้อาจทำให้ประธานาธิบดีปูตินต้องแปลกใจเพราะเท่าที่ผ่านมาผู้นำรัสเซียมักจะอ้างว่ายูเครนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย โดยในปี 2008 ประธานาธิบดีปูตินได้เคยกล่าวกับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐฯ ว่า “คุณจะต้องเข้าใจว่ายูเครนนั้นไม่ได้มีฐานะเป็นประเทศด้วยซ้ำไป” แล้วเมื่อปีที่แล้วประธานาธิบดีปูตินได้เขียนบทความเกี่ยวกับเอกภาพทางประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซียกับชาวยูเครนซึ่งอ้างว่ายูเครนจะมีอำนาจอธิปไตยได้ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมกับรัสเซียเท่านั้น รวมทั้งยังได้กล่าววิพากษ์โจมตีประเทศตะวันตกว่าพยายามบ่อนทำลายความเป็นเอกภาพของชนเผ่าสลาฟ
อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงหลายคนได้บอกปัดข้ออ้างเชิงประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีปูตินและให้เหตุผลว่าเรื่องราวความเป็นมาที่แท้จริงของยูเครนนั้นมีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่ผู้นำรัสเซียพยายามจะบรรยาย
ผลการสำรวจความคิดเห็นของสถาบัน ECFR ในยุโรปชิ้นนี้ยังแสดงด้วยว่าชาวยุโรปโดยทั่วไปเข้าใจดีว่าความมีอธิปไตยและความอยู่รอดของยูเครนมีความหมายสำหรับประเทศอื่นๆ ซึ่งปกครองในระบบเสรีประชาธิปไตยด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเพื่อนบ้านบางประเทศของยูเครน เช่น โปแลนด์และกลุ่มประเทศบอลติค เพราะสำหรับโปแลนด์ซึ่งมีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับเบลารุสและยูเครนและขณะนี้มีผู้อพยพชาวยูเครนด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจอยู่ในประเทศราว 1 ล้านคน ยูเครนมีความสำคัญในฐานะรัฐกันชนของโปแลนด์ที่จะช่วยให้รัสเซียอยู่ห่างจากพรมแดนของตนออกไปราว 1 พันกิโลเมตร และชาวโปแลนด์ เช่นเดียวกับทุกคนในกลุ่มประเทศย่านทะเลบอลติคอื่นๆ ที่มีพรมแดนด้านตะวันออกติดกับรัสเซีย คนเหล่านี้เกรงว่าหากรัสเซียสามารถทะลวงข้ามพรมแดนของประเทศใดประเทศหนึ่งได้แล้ว ประเทศอื่นๆ ก็อาจจะต้องประสบชะตากรรมที่คล้ายคลึงกัน
ที่มา: VOA