ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ยืนปรบมือชื่นชมประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภาอียู ด้วยการประกาศคำมั่นที่จะเดินหน้าต่อต้านการรุกรานของรัสเซียจนกว่าจะมีชัย พร้อมย้ำคำขอการสนับสนุนด้านอาวุธจากชาติตะวันตก
ในระหว่างการกล่าวปราศรัยที่กรุงบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี ปธน.เซเลนสกี กล่าวขอบคุณผู้นำอียูสำหรับความช่วยเหลือต่าง ๆ ที่มอบให้ และกล่าวว่า ยูเครนจะเป็นผู้กุมชัยชนะจากสงครามที่ดำเนินมาเกือบ 1 ปีนี้และก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศยุโรปนี้ในที่สุด
ปธน.เซเลนสกี กล่าวว่า “ยูเครนที่ชนะจะเป็นสมาชิกใหม่ของสหภาพยุโรป” และว่า “ยุโรปจะยังคงเป็นยุโรปต่อไป ตราบเท่าที่เรา... ดูแลรักษาวิถีชีวิตของชาวยุโรป”
โรแบร์ตา เมตโซลา ประธานรัฐสภายุโรป กล่าวว่า ตนสนับสนุนคำร้องขอการสนับสนุนเพิ่มเติมของผู้นำยูเครน โดยระบุว่า “เรารับรู้เกี่ยวกับการเสียสละต่าง ๆ ของประชาชนของท่านเพื่อยุโรป และเราต้องแสดงความนับถือสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ด้วยคำพูดแต่ด้วยการกระทำ” และว่า “เครื่องบินเจ็ทที่ท่านต้องการเพื่อใช้ปกป้องเสรีภาพซึ่งคนหลายคนไม่เห็นคุณค่า”
เมตโซลายังเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอียูเริ่มลงมือดำเนินการในเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า “ท่านต้องชนะ และเวลานี้ ประเทศสมาชิก [อียู] ต้องพิจารณาอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับก้าวต่อไปในการจัดส่งระบบ(อาวุธ)พิสัยไกลและเครื่องบินเจ็ทที่ท่านต้องการเพื่อใช้ปกป้องเสรีภาพของท่าน”
นับตั้งแต่เกิดสงครามมา ประเทศสมาชิกอียูจัดส่งความช่วยเหลือและการสนับสนุนทางทหารให้กรุงเคียฟรวมกันเป็นมูลค่าราว 53,600 ล้านดอลลาร์ และดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อเครมลินไปแล้ว 9 ครั้ง
ประธานรัฐสภายุโรปกล่าวย้ำว่า “เราพร้อมช่วยคุณเสมอ” และว่า “เราอยู่เคียงข้างคุณมาแล้ว เราอยู่กับคุณในเวลานี้ เราจะอยู่กับคุณตราบนานเท่านาน”
ในเรื่องนี้ ปธน.เซเลนสกี กล่าวว่า ด้วยการสนับสนุนจากประเทศพันธมิตร ชาวยูเครน “จะปกป้องต้นเองจากกองกำลังต่อต้านยุโรปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกยุคใหม่นี้ได้”
ทั้งนี้ โจเซพ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียู ยืนยันในวันพฤหัสบดีด้วยว่า สหภาพยุโรปมีแผนที่จะนำส่งความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมให้กับยูเครน
ในสัปดาห์นี้ ปธน.เซเลนสกีกำลังอยู่ในช่วงการเดินทางเยือน 3 ประเทศในยุโรปเพื่อร้องขอแรงหนุนจากประเทศพันธมิตร ขณะที่ วันครบรอบ 1 ปีการรุกรานยูเครนโดยรัสเซียกำลังใกล้จะมาถึง และเจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียน่าจะทำการโจมตีระลอกใหม่ทางภาคตะวันออกของประเทศช่วงใกล้ ๆ วันครบรอบปีในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้
ก่อนหน้าที่จะมาถึงกรุงบรัสเซลส์ ผู้นำยูเครนได้แวะเยือนกรุงลอนดอนเพื่อขอบคุณประชาชนชาวอังกฤษที่ให้การสนับสนุนชาวยูเครนในการต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย และได้ขึ้นกล่าวต่อหน้าที่ประชุมรัฐสภาอังกฤษว่า “เรารู้ว่า เสรีภาพจะเป็นฝ่ายมีชัย เรารู้ว่า รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ... เรารู้ว่า ชัยชนะนั้นจะเปลี่ยนแปลงโลก และนี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่โลกรอคอยมานาน สหราชอาณาจักรกำลังเดินทัพไปกับเราเพื่อไปยังชัยชนะที่สำคัญที่สุดในช่วงชีวิตของเรา”
ปธน.เซเลนสกียังได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ที่พระราชวังบักกิงแฮม ในระหว่างการเยือนอังกฤษ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังกรุงปารีส เพื่อพบกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคร็อง แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ แห่งเยอรมนี
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ฝ่ายรัสเซียเฝ้าติดตามการเดินทางของเซเลนสกีมาตลอด และ ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซียซึ่งเดินทางตรวจสอบโรงงานอาวุธในไซบีเรียอยู่ ประกาศว่า รัสเซียจะตอบโต้ความช่วยเหลือของชาติตะวันตกด้วยการส่งรถถังอีกหลายพันคันเข้าสู่สนามรบ
เมดเวเดฟ กล่าวว่า “ศัตรูของเราวิงวอนขอเครื่องบิน ขีปนาวุธและรถถังระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ” และว่า “เราจะจัดการร่งผลิตอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง รถถังทันสมัย เราพูดถึงการผลิตและปรับแต่งรถถังหลายพันคันให้ทันสมัย”
ในส่วนของสถานการณ์การรบนั้น รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังรัสเซียและยูเครนยังคงเดินหน้ายิงโจมตีกันและกันในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน โดยรัสเซียได้ยิงปืนใหญ่เข้าใส่ที่แนวหน้าของการรบในเขตปกครองคาร์คิฟอย่างหนัก และ โอเลห์ ไซเนียฮูบอฟ ผู้ว่าการท้องถิ่นเปิดเผยว่า การโจมตีล่าสุดที่เมืองวอฟชานสก์ ซึ่งตั้งอยู่ที่พรมแดนยูเครน-รัสเซีย ส่งผลให้สตรีวัย 74 ปีรายหนึ่งเสียชีวิต และเด็กสาววัย 16 ปีอีกรายได้รับบาดเจ็บ
พาฟโล ไคไรเลนโก ผู้ว่าการเขตปกครองดอแนตสก์ เปิดเผยด้วยว่า รัสเซียกำลังได้ขยายแนวรบในเขตปกครองนี้อย่างดุเดือด และยิงโจมตีเป้าหมายหลายจุด อันได้แก่ โรงเรียนอนุบาล โรงพยาบาล ศูนย์วัฒนธรรม โรงงานและอาคารที่พักอาศัยมากมาย
เช่นเดียวกับที่เขตปกครองลูฮันสก์ ที่ผู้ว่าการเซอร์ฮีย์ ฮายดาย กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียได้ยกระดับการโจมตีเข้าใส่ตนด้วยปฏิบัติการ “เชิงรุกเป็นวงกว้าง” แล้ว
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี รอยเตอร์และเอเอฟพี