ขุนคลังสหรัฐฯ ฮึ่ม ไม่ให้สินค้าเทคโนโลยีจีนถมตลาด ซ้ำรอยอดีต

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เจเน็ต เยลเลน กล่าวเตือนในวันจันทร์ว่ารัฐบาลวอชิงตันจะไม่ให้สินค้าจีนที่ผลิตอย่างล้นเกินเข้ามาทำลายตลาดสินค้าอุตสาหกรรมใหม่ในสหรัฐฯ

แยลเลนกล่าวกับสื่อมวลชนในช่วงท้ายของการเยือนจีนเป็นเวลา 4 วันว่า รัฐบาลไบเดนจะไม่ยอมให้เกิดการซ้ำร้อยประวัติศาสตร์จากช่วงทศวรรษ 2000 ที่สินค้าจากจีนทะลักเข้าสหรัฐฯ จนส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานภาคการผลิตของสหรัฐฯ ราวสองล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ รมว.คลังของสหรัฐฯ ไม่ได้ขู่ว่าจะใช้กำแพงภาษีหรือมาตรการทางการค้าใด ๆ เพิ่มเติมต่อรัฐบาลกรุงปักกิ่ง หากรัฐบาลจีนยังคงให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนตร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ แผงพลังงานแสงอาทิตย์และผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานสะอาดอื่น ๆ

เยลเลนกล่าวว่า “เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว การสนับสนุนของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งใหญ่ ทำให้เหล็กจีนราคาต่ำกว่าต้นทุนทะลักเข้ามาในตลาดโลก และทำลายอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ”

เธอกล่าวด้วยว่า หากตลาดโลกเต็มไปด้วยสินค้าราคาถูกอย่างไม่แท้จริงของจีน แล้ว “การเติบโตของบริษัทอเมริกันและต่างชาติก็คงไม่มีความแน่นอน”

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สภาประชาชนแห่งชาติ หรือรัฐสภาของจีน ระบุว่ารัฐบาลจะมีมาตรการควบคุมการผลิตที่ล้นเกิน นอกจากนั้น ทางการจีนยังได้ชี้แจงด้วยว่าข้อกังวลดังกล่าวจากต่างชาติ เป็นการประเมินความสำคัญของการช่วยเหลือจากภาครัฐมากจนเกินไป ในขณะที่ประเมินศักยภาพของอุตสาหกรรมจีนต่ำเกินไป

หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวในการพบกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนในกรุงปารีสว่า ข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่ล้นเกินของจีนนั้นไม่มีมูล และอุตสาหกรรมนี้ของจีนเติบโตด้วยนวัตกรรมและระบบการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ในตลาดนี้

เยลเลนกล่าวว่าแนวทางระยะสั้นที่เป็นไปได้สำหรับจีน คือการกระตุ้นการบริโภค และการสนับสนุนภาคครัวเรือนและการเกษียณอายุ และปรับเปลี่ยนแนวทางพัฒนาการเติบโตทางเศรษฐกิจออกจากการลงทุนในภาคการผลิต

เยลเลนได้ใช้เวลาอย่างยาวนานในวันอาทิตย์เพื่อหารือเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง และหลัน ฝออัน รมว.กระทรวงการคลัง ก่อนจะเข้าพบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจีน พาน กงเซิ่ง ในวันจันทร์

เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อ CNBC ในวันจันทร์ว่า แม้เธอยังไม่คิดถึงการใช้มาตรการควบคุมทางการค้าต่อจีนมากนัก แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการกำแพงภาษีดังกล่าวเช่นกัน

• ที่มา: รอยเตอร์