วันนี้ผู้แสวงบุญหลายพันคนเดินทางไปชุมนุมกันบริเวณพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอดร์แดนที่เมือง Bethlehem ที่ตั้งของ Grotto of the Nativity หรือถ้ำซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู บรรยากาศการเฉลิมฉลองเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ประดับประดาดวงไฟ กระดิ่งและธงชาติปาเลสไตน์
คุณ Marcus Mundy ชาวอเมริกันผู้เดินทางไปร่วมพิธีฉลองที่เมือง Bethlehem ในปีนี้ บอกว่าตนไปมาทั่วไม่ว่าจะเป็นอิตาลีหรือที่กรุงปารีสซึ่งล้วนมีสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ไม่มีที่ไหนเสมอเหมือนกับสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลคริสต์มาสแห่งนี้เลย ซึ่งทำให้ตนรู้สึกต่ำต้อยลงไปถนัดใจ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนปีนี้มีนักท่องเที่ยวจะเดินทางมายังเมือง Bethlehem น้อยลง แม้ทางการปาเลสไตน์พยายามสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างแข็งขัน คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสบริเวณฉนวนกาซ่าเมื่อเดือนที่แล้ว
คุณ Nayef Asakra คนขับรถแท็กซี่ในเมือง Bethlehem เป็นผู้หนึ่งที่เชื่อเช่นนั้น เขาบอกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเกรงกลัวความขัดแย้งจึงเลือกไปฉลองคริสต์มาสที่อื่นแทน คาดกันว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเมือง Bethlehem ในช่วงคริสต์มาสราว 75,000 คน ลดลงประมาณ 25% จากปีที่แล้ว
นอกจากที่เมือง Bethlehem แล้ว ในหลายประเทศที่ยังมีสงครามเช่นในซีเรีย ดูเหมือนเทศกาลคริสต์มาสปีนี้ประชาชนจะให้ความสำคัญกับความหวังมากกว่าความสนุกสนาน สตรีชาวซีเรียผู้หนึ่งบอกว่า ปีนี้ความหวังอย่างเดียวของคริสตศาสนิกชนในซีเรียคือการขอให้พระเจ้าช่วยรักษาบาดแผลสงครามของคนไร้บ้านและผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ส่วนที่ไนจีเรีย แม้ไม่มีสงครามกลางเมือง แต่ปัญหาไฟฟ้าดับเป็นประจำก็ทำให้งานฉลองของคนที่นั่น กร่อยไปไม่น้อยเช่นกัน สตรีชาวไนจีเรียผู้หนึ่งบอกว่า ที่ไนจีเรียหากคุณไม่มีเครื่องปั่นไฟของตัวเอง ก็คงไม่มีสิทธิ์ฉลองคริสต์มาสแบบทางตะวันตก เช่น ต้นคริสต์มาสที่ติดไฟรายรอบหลายๆดวง และการช็อปปิ้งซื้อของขวัญก็ทำไม่ง่ายนัก เพราะห้างต่างๆมักเกิดไฟดับอยู่เสมอ
แต่ที่ประเทศไทย ดูเหมือนคริสต์มาสปีนี้จะครึกครื้นไม่น้อย และภาพน่ารักๆที่เห็นเป็นประจำทุกปีอย่างหนึ่งคือ การให้ช้างแต่งตัวด้วยชุดซานต้าครอส เดินแจกของขวัญให้เด็กๆตามโรงเรียน
คุณ Marcus Mundy ชาวอเมริกันผู้เดินทางไปร่วมพิธีฉลองที่เมือง Bethlehem ในปีนี้ บอกว่าตนไปมาทั่วไม่ว่าจะเป็นอิตาลีหรือที่กรุงปารีสซึ่งล้วนมีสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ไม่มีที่ไหนเสมอเหมือนกับสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลคริสต์มาสแห่งนี้เลย ซึ่งทำให้ตนรู้สึกต่ำต้อยลงไปถนัดใจ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนปีนี้มีนักท่องเที่ยวจะเดินทางมายังเมือง Bethlehem น้อยลง แม้ทางการปาเลสไตน์พยายามสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างแข็งขัน คาดว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสบริเวณฉนวนกาซ่าเมื่อเดือนที่แล้ว
คุณ Nayef Asakra คนขับรถแท็กซี่ในเมือง Bethlehem เป็นผู้หนึ่งที่เชื่อเช่นนั้น เขาบอกว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเกรงกลัวความขัดแย้งจึงเลือกไปฉลองคริสต์มาสที่อื่นแทน คาดกันว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเมือง Bethlehem ในช่วงคริสต์มาสราว 75,000 คน ลดลงประมาณ 25% จากปีที่แล้ว
นอกจากที่เมือง Bethlehem แล้ว ในหลายประเทศที่ยังมีสงครามเช่นในซีเรีย ดูเหมือนเทศกาลคริสต์มาสปีนี้ประชาชนจะให้ความสำคัญกับความหวังมากกว่าความสนุกสนาน สตรีชาวซีเรียผู้หนึ่งบอกว่า ปีนี้ความหวังอย่างเดียวของคริสตศาสนิกชนในซีเรียคือการขอให้พระเจ้าช่วยรักษาบาดแผลสงครามของคนไร้บ้านและผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
ส่วนที่ไนจีเรีย แม้ไม่มีสงครามกลางเมือง แต่ปัญหาไฟฟ้าดับเป็นประจำก็ทำให้งานฉลองของคนที่นั่น กร่อยไปไม่น้อยเช่นกัน สตรีชาวไนจีเรียผู้หนึ่งบอกว่า ที่ไนจีเรียหากคุณไม่มีเครื่องปั่นไฟของตัวเอง ก็คงไม่มีสิทธิ์ฉลองคริสต์มาสแบบทางตะวันตก เช่น ต้นคริสต์มาสที่ติดไฟรายรอบหลายๆดวง และการช็อปปิ้งซื้อของขวัญก็ทำไม่ง่ายนัก เพราะห้างต่างๆมักเกิดไฟดับอยู่เสมอ
แต่ที่ประเทศไทย ดูเหมือนคริสต์มาสปีนี้จะครึกครื้นไม่น้อย และภาพน่ารักๆที่เห็นเป็นประจำทุกปีอย่างหนึ่งคือ การให้ช้างแต่งตัวด้วยชุดซานต้าครอส เดินแจกของขวัญให้เด็กๆตามโรงเรียน
