ทั่วโลกเฉลิมฉลองศักราชใหม่ ด้วยมหกรรมการจัดงานยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ไทม์สแควร์ พลุไฟอลังการใจกลางเมืองหลวงทั่วยุโรป ขณะที่ผู้คนพยายามก้าวผ่านความขัดแย้งและตั้งความหวังให้ยุติสงครามในยูเครน รวมทั้งความหวังในการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติหลังโควิดคลี่คลายในหลายพื้นที่ของเอเชีย
ที่มหานครนิวยอร์กของสหรัฐฯ เริ่มต้นปีใหม่แบบวิถีดั้งเดิม ที่ผู้คนฝ่าฝนชุ่มฉ่ำมานับถอยหลังเข้าสู่ศักราชใหม่ที่ไทม์สแควร์ ขณะที่มีผู้คนอีกหลายล้านที่ชมงานและการแสดงฉลองปีใหม่อยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ที่บ้านอย่างอบอุ่นเช่นกัน
ที่กรุงลอนดอน แลนด์มาร์คชิงช้าสวรรค์ลอนดอนอาย (London Eye) ในเมืองหลวงของอังกฤษ รำลึกถึงการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและเหลือง เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับยูเครน สีแดงขาวแทนสีทีมชาติอังกฤษ และสีรุ้งที่สื่อถึงกลุ่ม LGBTQ ตามมาด้วยการพลุไฟยิ่งใหญ่ในช่วงเที่ยงคืน
ที่ยูเครนมีการประกาศเคอร์ฟิวช่วงเย็นวันส่งท้ายปีเก่า ทำให้ไม่มีการเฉลิมฉลองปีใหม่ตามที่สาธารณะ แต่ที่กรุงเคียฟมีผู้คนรวมตัวกันที่ต้นคริสต์มาสใจกลางกรุงในช่วงเที่ยงคืนเพื่อฉลองปีใหม่กัน ส่วนที่กรุงมอสโกของรัสเซียเงียบสงัด ปราศจากการแสดงพลุไฟที่จัตุรัสแดง
ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ในยุโรป มีการแสดงดอกไม้ไฟ ทั้งที่กรุงเอเธนส์ของกรีซ ประตูบรันเดินบวร์คในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี ประตูชัยฝรั่งเศสในกรุงปารีส ขณะที่มีบางพื้นที่อย่างกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ที่งดจุดพลุไฟจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ
ไปที่ออสเตรเลีย กลับมาฉลองปีใหม่โดยปราศจากมาตรการควบคุมโควิดเป็นครั้งแรกด้วยพลุไฟอลังการที่นครซิดนีย์
ส่วนที่จีนที่เพิ่งปลดล็อกมาตรการคุมโควิดเมื่อเดือนธันวาคม ที่เมืองอู่ฮั่นที่พบผู้ติดเชื้อโควิดรายแรกของโลกเมื่อ 3 ปีก่อน ผู้คนหลายพันคนรวมตัวกันในวันส่งท้ายปีเก่า โดยมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงตรึงกำลังแน่นหนา ขณะที่ชาวจีนบางส่วนยังไม่อยู่ในช่วงเวลาที่พร้อมกลับมาเฉลิมฉลองเนื่องจากความกังวลเรื่องโควิด
- ที่มา: รอยเตอร์