กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ระบุว่า ปัจจุบันเกือบ 1 ใน 3 ของเด็กนักเรียนทั่วโลกไม่สามารถเข้าเรียนออนไลน์ได้ เนื่องจากการระบาดของโคโรนาไวรัส
รายงานของ UNICEF ระบุว่า เด็กจำนวน 463 ล้านคนจาก 1,500 ล้านคนที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เนื่องจากการเกิดโรคระบาดใหญ่ ล้วนไม่มีอุปกรณ์ใช้สำหรับการเรียนออนไลน์
UNICEF ระบุว่า 49% ของเด็กทั้งหมดที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ในแอฟริกา ไม่สามารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์ในรูปแบบใด ๆ ได้ ตามมาด้วยแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลางซึ่งมีอัตรานี้อยู่ที่ 48% และแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางอยู่ที่ 40%
นอกจากนี้มีเด็กมากกว่า 200 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และแปซิฟิกที่ไม่สามารถเรียนออนไลน์ได้
Henrietta Fore ผู้บริหารระดับสูงของ UNICEF กล่าวว่า มีเด็กจำนวนมากที่การศึกษาของพวกเขาต้องหยุดชะงักไป เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการศึกษาทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในอีกหลายทศวรรษข้างหน้านี้
ที่ประเทศเมียนมา ประชากรสามล้านคนที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ทางตะวันตกเฉียงเหนือที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว กำลังอยู่ภายใต้ในภาวะล็อคดาวน์ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น
ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมียนมากว่า 100 รายที่ได้รับรายงานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ซึ่งสถานพยาบาลล้วนมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานและมีข้อจำกัดต่างๆมากมาย
ทั้งนี้ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อจับจ่ายสินค้าที่จำเป็น ภายใต้มาตรการกักตัวครั้งใหม่ที่กำหนดไว้สำหรับรัฐยะไข่ได้เพียงบ้านละ 1 คนเท่านั้น
รัฐยะไข่เป็นที่อยู่ของชาวโรฮิงญาหลายแสนคนที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย หลังจากถูกโยกย้ายเนื่องจากการสู้รบระหว่างกองกำลังทหารกับชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาที่ก่อความไม่สงบ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเตือนว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจแพร่ระบาดในค่ายที่มีผู้คนหนาแน่นได้
