ธนาคารโลก หรือ เวิลด์แบงค์ หั่นเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในวันอังคาร ไปสู่ระดับที่ใกล้ถึงภาวะถดถอยสำหรับหลายประเทศทั่วโลก จากผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังดำเนินอยู่ และฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกยังทำงานได้ไม่เต็มกำลัง ตามรายงานของรอยเตอร์
เวิลด์แบงค์ ปรับลดประมาณการณ์อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกปีนี้ ลงมาเหลือเพียง 1.7% ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี โดยเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน เวิลด์แบงค์ ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวที่ 3.0%
ธนาคารโลกคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกว่าอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยหั่นเป้าผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือ ยูโรโซน และประเมินว่า จะขยายตัวเพียง 0.5% ซึ่งอาจสะท้อนภาพของเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกครั้งใหม่ในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปี
แถลงการณ์ของเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลก ระบุว่า “ภายใต้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจอันเปราะบาง ปัจจัยที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงกว่าคาด การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ การกลับมาระบาดของโควิด-19 หรือความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยกระดับขึ้น อาจผลักให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ทั้งสิ้น”
แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่สู้ดีนัก อาจเห็นได้ชัดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ในทัศนะของเวิลด์แบงค์ ที่หั่นเป้าเศรษฐกิจกลุ่มนี้โตที่ระดับ 3.5% ตลอดระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในระยะ 20 ปี เนื่องจากประเทศเหล่านี้ประสบปัญหาภาระหนี้สูง ค่าเงินอ่อนค่าหนัก และการลงทุนภาคธุรกิจที่ชะลอลง
ส่วนเศรษฐกิจจีน ธนาคารโลกคาดว่าจะโต 4.3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดคาดการณ์ลงราว 0.9% จากปีก่อน เนื่องจากความรุนแรงของการระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ธนาคารโลกเรียกร้องให้นานาประเทศช่วยเหลือกลุ่มประเทศรายได้น้อยในการรับมือกับผลกระทบด้านอาหารและพลังงาน การพลัดถิ่นจากสงครามความขัดแย้ง และความเสี่ยงด้านวิกฤตหนี้ ทั้งในรูปแบบเงินให้เปล่าหรือการให้เงินกู้กับกลุ่มประเทศเหล่านี้ ร่วมกับการระดมความช่วยเหลือจากภาคเอกชนในการกระตุ้นการลงทุนด้านต่าง ๆ มากขึ้น
- ที่มา: รอยเตอร์