รายงานฉบับใหม่ของธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เงิน เร็นมินบี หรือ เงินหยวนของจีน จะขึ้นมาเป็นเงินตราระหว่างประเทศที่มีความสำคัญโดดเด่นเช่นเดียวกับเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโรในอีก 10 – 15 ปีข้างหน้า นักเศรษฐศาสตร์กล่าวกันว่า เรื่องนี้เป็นการจัดระเบียบใหม่ของเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ โดยที่ประเทศกำลังพัฒนาจะมีบทบาทเด่นมากขึ้น ธนาคารโลกพบว่า จำนวนบริษัทในประเทศเหล่านั้นที่ไปลงทุนและทำธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ
รายงานของธนาคารโลกเรื่อง “Multipolarity: The New Global Economy” มุ่งศึกษาพลังและอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ของตลาดที่กำลังขยายตัวเติบโตแนวหน้า อย่าง จีน อินเดีย บราซิล เกาหลีใต้ รัสเซีย อินโดนีเซีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ อีกหลายประเทศ
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ธนาคารโลก Mansoor Dailami กล่าวว่า ภายในปี 2568 ประเทศเหล่านี้อาจมีส่วนราวครึ่งหนึ่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งหมดของโลก ซึ่งสิ่งบ่งชี้สำคัญอย่างหนึ่ง คือ จำนวนบริษัทในประเทศเหล่านั้นที่ไปลงทุนและทำธุรกิจในต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ธนาคารโลกพบว่า มีบริษัทจากประเทศกำลังพัฒนาราว 10,000 บริษัท เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรมข้ามแดน พูดสั้น ๆ ได้ว่า บริษัทเหล่านั้นกำลังกลายเป็นบริษัทข้ามชาติ
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ธนาคารโลกกล่าวว่า ในบรรดาเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวเติบโตเหล่านี้ จีนมีบทบาทโดดเด่นสำคัญที่สุดในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจโลก และจีนดำเนินงานไปแล้วที่จะทำให้เงินหยวนของตนเป็นเงินตราระหว่างประเทศสำคัญอย่างเดียวกับเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโร เขากล่าวว่า การดำเนินงานนั้นเป็นวิธีที่จีนผันแปรความเสี่ยงด้านเงินตราต่างประเทศที่จีนมีอยู่เป็นจำนวนมาก
ตอนนี้จีนเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่จีนกู้ยืมและให้กู้เป็นเงินตราต่างประเทศ ไม่ใช่เป็นเงินตราของตนเอง จีนมีเงินตราต่างประเทศสำรองอยู่มากราวสามล้านล้านดอลลาร์ และขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงเรื่อย ๆ ค่าเงินตราต่างประเทศสำรองของจีนก็ลดลงด้วยเช่นกัน การจัดตั้งเงินหยวนให้เป็นเงินระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนฐานะอันมั่นคงแข็งแรงของจีนนั้น อาจปกป้องจีนและประเทศอื่น ๆ ให้พ้นจากความผันผวนในเศรษฐกิจอันเฉื่อยชาแช่นิ่งของยุโรปและอเมริกาได้
Mansoor Dailami นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสที่ธนาคารโลกผู้นี้กล่าวว่า การที่เงินหยวนของจีนไม่ได้เป็นเงินตราระหว่างประเทศในตอนนี้ ส่วนหนึ่งนั้น เพราะจีนไม่ได้ปล่อยให้มีการแลกเปลี่ยนในอัตราตลาดเสรี แต่ทางการจีนกำลังดำเนินการไปในทิศทางนั้น โดยการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ และโดยการปล่อยให้ตลาดส่วนนอกในฮ่องกงออกพันธบัตรและเงินกู้ธนาคารในรูปเงินหยวน
