องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อหนองในทั่วโลกราว 106 ล้านคนทุกปีและเตือนว่าขณะนี้เหลือวิธีการรักษาโรคหนองในที่ได้ผลเพียงไม่กี่วิธีเท่านั้น
ด็อกเตอร์ Manjula Lusti-Narasimhan นักวิทยาศาสตร์แห่งฝ่ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่ง WHO กล่าวว่าหากโรคหนองในกลายเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ จะมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนตามมาอย่างแน่นนอน
ผู้เชี่ยวชาญของ WHO กล่าวว่าสำหรับชายและหญิงวัยเจริญพันธุ์ โรคหนองในอาจทำให้เป็นหมันได้ สำหรับหญิงมีครรภ์ อาจจะเกิดการการท้องนอกมดลูก ที่ต้องจบลงด้วยการทำแท้งและทำให้มารดาเสี่ยงต่อการเสียชีวิต สำหรับเด็กทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อหนองในแต่ไม่ได้รับการรักษา เด็กอาจเกิดอาการอักเสบรุนแรงที่ตาและตาอาจบอดได้ในเวลาต่อมา
โรคหนองใน เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลักสี่ชนิดที่รักษาได้ เชื้อโรคที่ได้ชื่อว่าซุปเปอร์บัคส์ (superbugs)ที่เป็นสาเหตุให้เชื้อหนองในดื้อยาเป็นเชื้อโรคที่พัฒนาตัวเองให้ต่อต้านยาปฏิชีวนะเกือบทุกชนิดที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
องค์การอนามัยโลกชี้ว่าการดื้อยาของเชื้อโรคหนองในเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไร้การควบคุม มีการใช้ยาปฏชีวนะราคาถูกและในปริมาณมากเกินพอดี รวมทั้งเชื้อโรคมีการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าเชื้อหนองในบางชนิดสามารถจดจำยาปฏิชีวนะตัวเก่าที่คนไข้เคยใช้รักษาเชื้อดื้อยา แม้ว่าคนไข้จะเลิกใช้ยาชนิดนั้นแล้วก็ตาม
องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่าไม่สามารถสำรวจความหนักหนาของปัญหาโรคหนองในดื้อยาทั่วโลกได้เนื่องจากขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือในหลายๆประเทศและยังขาดเเคลนการวิจัยในเรื่องนี้ แต่องค์การอนามัยโลกรายงานว่าได้พบคนไข้โรคหนองในดื้อยาแล้วหลายกรณีในหลายประเทศ ตั้งแต่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น นอร์เวย์ สวีเดน และ อังกฤษ
ด็อกเตอร์ Manjula Lusti-Narasimhan นักวิทยาศาสตร์แห่งฝ่ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งองค์การอนามัยโลก เห็นว่า นี่เป็นแย่ส่วนน้อยของปัญหาเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีหนทางใหม่ในการรักษาโรคหนองใน ยังไม่มีการวิจัยคิดค้นยาตัวใหม่มารักษา
ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่แผนที่สองในการแก้ปัญหานี้ เท่าที่ผ่านมา การรักษาทั่วไปที่ใช้คือการกินยาแล้วหาย แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เชื้อโรคหนองใน ในหลายๆจุดทั่วโลกเริ่มดื้ยา ปัญหาที่เกิดขึ้นใหญ่กว่าทางแก้ที่มีอยู่ในขณะนี้
องค์การอนามัยโลกได้ออกแผนปฏิบัติการทั่วโลกที่เรียกร้องให้เพิ่มการเฝ้าระวังและรายงานเชื้อหนองในที่ดื้อยา ตลอดจนมีวิธีการป้องกันการติดเชื้อ การตรวจหาเชื้อและการควบคุมการติดเชื้อที่ดีขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชี้ว่าโรคหนองในสามารถป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธุ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้การตรวจหาการติดเชื้อแต่เนิ่นๆและการรักษาทันท่วงที ทั้งในตนเองและในฝ่ายคู่นอน เป็นมาตราการที่จำเป็นในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อหนองใน
ด็อกเตอร์ Manjula Lusti-Narasimhan นักวิทยาศาสตร์แห่งฝ่ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่ง WHO กล่าวว่าหากโรคหนองในกลายเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ จะมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนตามมาอย่างแน่นนอน
ผู้เชี่ยวชาญของ WHO กล่าวว่าสำหรับชายและหญิงวัยเจริญพันธุ์ โรคหนองในอาจทำให้เป็นหมันได้ สำหรับหญิงมีครรภ์ อาจจะเกิดการการท้องนอกมดลูก ที่ต้องจบลงด้วยการทำแท้งและทำให้มารดาเสี่ยงต่อการเสียชีวิต สำหรับเด็กทารกที่คลอดจากมารดาที่ติดเชื้อหนองในแต่ไม่ได้รับการรักษา เด็กอาจเกิดอาการอักเสบรุนแรงที่ตาและตาอาจบอดได้ในเวลาต่อมา
โรคหนองใน เป็นหนึ่งในโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลักสี่ชนิดที่รักษาได้ เชื้อโรคที่ได้ชื่อว่าซุปเปอร์บัคส์ (superbugs)ที่เป็นสาเหตุให้เชื้อหนองในดื้อยาเป็นเชื้อโรคที่พัฒนาตัวเองให้ต่อต้านยาปฏิชีวนะเกือบทุกชนิดที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
องค์การอนามัยโลกชี้ว่าการดื้อยาของเชื้อโรคหนองในเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไร้การควบคุม มีการใช้ยาปฏชีวนะราคาถูกและในปริมาณมากเกินพอดี รวมทั้งเชื้อโรคมีการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าเชื้อหนองในบางชนิดสามารถจดจำยาปฏิชีวนะตัวเก่าที่คนไข้เคยใช้รักษาเชื้อดื้อยา แม้ว่าคนไข้จะเลิกใช้ยาชนิดนั้นแล้วก็ตาม
องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่าไม่สามารถสำรวจความหนักหนาของปัญหาโรคหนองในดื้อยาทั่วโลกได้เนื่องจากขาดข้อมูลที่น่าเชื่อถือในหลายๆประเทศและยังขาดเเคลนการวิจัยในเรื่องนี้ แต่องค์การอนามัยโลกรายงานว่าได้พบคนไข้โรคหนองในดื้อยาแล้วหลายกรณีในหลายประเทศ ตั้งแต่ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น นอร์เวย์ สวีเดน และ อังกฤษ
ด็อกเตอร์ Manjula Lusti-Narasimhan นักวิทยาศาสตร์แห่งฝ่ายโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งองค์การอนามัยโลก เห็นว่า นี่เป็นแย่ส่วนน้อยของปัญหาเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่มีหนทางใหม่ในการรักษาโรคหนองใน ยังไม่มีการวิจัยคิดค้นยาตัวใหม่มารักษา
ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่แผนที่สองในการแก้ปัญหานี้ เท่าที่ผ่านมา การรักษาทั่วไปที่ใช้คือการกินยาแล้วหาย แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เชื้อโรคหนองใน ในหลายๆจุดทั่วโลกเริ่มดื้ยา ปัญหาที่เกิดขึ้นใหญ่กว่าทางแก้ที่มีอยู่ในขณะนี้
องค์การอนามัยโลกได้ออกแผนปฏิบัติการทั่วโลกที่เรียกร้องให้เพิ่มการเฝ้าระวังและรายงานเชื้อหนองในที่ดื้อยา ตลอดจนมีวิธีการป้องกันการติดเชื้อ การตรวจหาเชื้อและการควบคุมการติดเชื้อที่ดีขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชี้ว่าโรคหนองในสามารถป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธุ์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้การตรวจหาการติดเชื้อแต่เนิ่นๆและการรักษาทันท่วงที ทั้งในตนเองและในฝ่ายคู่นอน เป็นมาตราการที่จำเป็นในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อหนองใน