วันที่ 4 กรกฎาคมของทุกปี คือ วันฉลองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวันหยุดสำคัญที่มีกิจกรรมสำคัญ ๆ ที่คนทั่วประเทศจะร่วมฉลองกันมากมาย ตั้งแต่การชมขบวนพาเหรด ไปจนถึง การออกมาตั้งเตาทำอาหารพร้อมการดื่มเบียร์ฉลอง และการร่วมชมดอกไม้ไฟซึ่งมีการจัดขึ้นทั่วประเทศ
และถึงแม้วันหยุดสำคัญนี้ของสหรัฐฯ จะได้ชื่อว่าเป็นวันหยุดอันตรายประจำปี เนื่องจากมักมีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้ไฟปีละหลายหมื่นคน กิจกรรมส่องสว่างทั่วฟ้าสหรัฐฯ ยังคงเป็นสิ่งที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของวันประกาศอิสรภาพที่มีการฉลองมาแล้ว 247 ปีอยู่ดี
ต้นกำเนิดของวันประกาศอิสรภาพ
การเริ่มฉลองวันสำคัญนี้เกิดขึ้นครั้งแรก หนึ่งปีหลังจากสมาชิกสภา Second Continental Congress มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1776 เพื่อรับรองคำประกาศอิสรภาพสหรัฐฯ จากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
แต่การฉลองดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศโดยทันที แต่เริ่มมีผู้เข้าร่วมอย่างกว้างขวางมากขึ้นหลังสงคราม ค.ศ. 1812 ซึ่งเป็นการสู้รบระหว่างสหรัฐฯ และอังกฤษ ก่อนจะกลายมาเป็นประเพณีปฏิบัติทั่วสหรัฐฯ
ทำไมดอกไม้ไฟถึงกลายมาเป็นประเพณีสำคัญ 4 ก.ค.
การจุดดอกไม้ไฟฉลองวันประกาศอิสรภาพสหรัฐฯ กลายมาเป็นองค์ประกอบหลักของวันสำคัญนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเลย โดยหนึ่งในบิดาผู้ร่วมก่อตั้งประเทศ จอห์น อดัมส์ ระบุในจดหมายลงวันที่ 3 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1776 ที่ส่งให้ อะบิเกล ภรรยาของเขา ว่า การเฉลิมฉลองอิสรภาพของอเมริกานั้น “ควรจะมีการฉลองด้วยความเอิกเกริกและขบวนพาเหรด การแสดงโชว์ เกม กีฬา ปืน ระฆัง กองไฟ และประทีปโคมไฟ จากมุมหนึ่งของทวีปนี้ ไปถึงอีกมุม จากนี้และตลอดไป”
ทั้งนี้ นักประวัติศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า จีนโบราณคือผู้ที่คิดค้นดอกไม้ไฟขึ้นมาตั้งแต่ 2 ศตวรรษก่อนคริสต์กาล ก่อนสิ่งประดิษฐ์นี้จะกลายมาเป็นส่วนสำคัญของงานเทศกาลทางศาสนาและกิจกรรมบันเทิงในที่สาธารณะในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในยุโรปและในหมู่ผู้ที่มาตั้งรกรากในสหรัฐฯ ตามข้อมูลจากสมาคมดอกไม้ไฟอเมริกัน (American Pyrotechnics Association)
เคยมีปธน.คนใดปฏิเสธไม่ร่วมฉลองหรือไม่
นับตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน จนถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ทุกคนเข้าร่วมการฉลองวันสำคัญนี้กันตลอด ยกเว้น ประธานาธิบดีจอห์น อดัมส์ ผู้นำคนที่สองของสหรัฐฯ ซึ่งปฏิเสธที่จะฉลองการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ ในวันที่ 4 กรกฎาคม เพราะตนเชื่อว่า วันที่สหรัฐฯ เป็นอิสรภาพจริง ๆ คือ วันที่ 2 กรกฎาคม เพราะวันนี้ในปี ค.ศ. 1776 คือวันที่สภา Continental Congress มีมติเห็นชอบให้มีการประกาศอิสรภาพ เพียงแต่ว่า ในวันนั้น ยังไม่มีการรับรองคำประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการนั่นเอง
คนอเมริกันนิยมการฉลองด้วยดอกไม้ไฟแค่ไหน
การจำหน่ายดอกไม้ไฟในสหรัฐฯ นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยสถิติจากสมาคมดอกไม้ไฟอเมริกันระบุว่า ในปี ค.ศ. 2000 ผู้บริโภคชาวอเมริกันใช้เงินถึง 407 ล้านดอลลาร์เพื่อหาซื้อดอกไม้ไฟ ก่อนที่ตัวเลขนั้นจะพุ่งขึ้นเป็นราว 2,300 ล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2022 โดยการปรับขึ้นรุนแรงที่สุดนั้นเกิดขึ้นในเป็นช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ที่ทางการประกาศยกเลิกกิจกรรมจุดดอกไม้ไฟ แต่ผู้บริโภคก็ยังควักเงินซื้อกันอย่างหนักจนตัวเลขพุ่งจากระดับ 1,000 ล้านดอลลาร์เป็น 1,900 ล้านดอลลาร์ในปี ค.ศ. 2020
ทั้งนี้ สมาคมดอกไม้ไฟอเมริกันประเมินว่า ตัวเลขยอดขายดอกไม้ไฟในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านดอลลาร์
ดอกไม้ไฟอันตรายหรือไม่
แม้จะมีความพยายามให้ความรู้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปี ยังมีประชาชนชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้ไฟถึงหลายพันคน
คณะกรรมาธิการความปลอดภัยสินค้าผู้บริโภคสหรัฐฯ (U.S. Consumer Product Safety Commission) รายงานว่า ในปี ค.ศ. 2022 มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้ไฟและต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั่วประเทศถึง 10,200 คน โดยมีประชาชน 11 คนเสียชีวิตจากกิจกรรมนี้ โดย 3 ใน 4 ของตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด 4 กรกฎาคม
ข้อมูลระบุว่า ราว 1 ใน 3 ของการบาดเจ็บจากดอกไม้ไฟในสหรัฐฯ นั้นเกิดขึ้นที่บริเวณศีรษะ หู หรือตา และยังมีกรณีที่เกิดกับนิ้ว มือ และขาด้วย
นอกจากนั้น เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ยังมีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้ไฟด้วย ขณะที่ ประกายไฟคือสาเหตุหลักของการได้รับบาดเจ็บของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ
- ที่มา: วีโอเอ